photo bombam

นักร้องแห่งเกาหลี

10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยที่สุดในประเทศไทย

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีใช้ครีมบำรุงผม ให้ผมสวยสุดๆ

1.เลือกครีมบำรุงผมที่เหมาะกับเส้นผมของคุณสาวๆก่อน
2.ควรนวดหนังศีรษะด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช่ปลายเล็บนะจ๊ะ การนวดจะช่วยกระตุ้นให้เส้นผมของคุณเงางามขึ้น
3.หลังจากสระผมแล้ว ชโลมครีมบำรุงผมลงทีละช่อจนทั่วศีรษะ ให้ห่างจากโคนผมประมาณ 1 นิ้ว
4.ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นคลุมผม หรือหมวกพลาสติกมาคลุมผมก็พอใช้ได้ค่ะ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้ครีมซึมลงไปในผมได้อย่างเต็มที่
5.สุดท้ายก็ล้างผมด้วยน้ำเย็นได้เลยจ๊ะ

สตรอเบอร์รี่ ผลไม้แห่งสุขภาพ


พืชผักผลผลิตของโครงการหลวง ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องคุณภาพคับแก้ว โดยเฉพาะ “สตรอเบอร์รี่” ปลูกได้ผลดี ลูกใหญ่รสหวานฉ่ำ ไม่แพ้สตรอเบอร์รี่อิมพอร์ตจากเมืองนอกเมืองนา และด้วยความภาคภูมิใจเป็นนักหนา มูลนิธิโครงการหลวง จึงจับมือกับห้างฯเซ็นทรัล ชิดลม จัดงาน “โครงการหลวง สตรอเบอร์รี่แฟร์” ที่ดิ อีเวนท์ฮอลล์ ชั้น 3 ระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ.นี้ เพื่อต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง

ภายในงานแฟร์ครั้งนี้ มีไฮไลต์อยู่ที่นิทรรศการ “สตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน” นำสตรอเบอร์รี่สายพันธุ์พระราชทานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พันธุ์พระราชทาน 50, พันธุ์พระราชทาน 70 และพันธุ์พระราชทาน 72 มาจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินชมแปลงปลูกสตรอเบอร์รี่จำลอง และสามารถทดลองเด็ดผลสดๆจากต้นชิมดูได้โดยไม่หวงห้าม นอกจากนี้ ยังจัดจำหน่ายสตรอเบอร์รี่ทั้งสดและแปรรูปจากพันธุ์พระราชทาน รวมถึงสายพันธุ์อื่นๆ ให้ได้ซื้อหากันสนุกสนาน

อย่างไรก็ดี แม้คนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับ “สตรอเบอร์รี่” เป็นอย่างดี แต่น้อยคนนักจะรู้ถึงคุณประโยชน์แท้จริงของผลไม้สีแดงฉ่ำรูปทรงน่ารักน่ากิน “สตรอเบอร์รี่” เป็นผลไม้ที่มีอานุภาพสูงมากในการต้านอนุมูลอิสระ (ต้นเหตุแห่งความแก่) แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินซี, เอ, ฟอสฟอรัส และแคลเซียม จึงช่วยป้องกันโรคได้สารพัด ทั้งการเกิดมะเร็ง, โรคหลอดเลือดอุดตัน, โรคหวัด และโรคภูมิแพ้ ผลการศึกษาทาง การแพทย์ ยังพบว่า เมื่อเทียบน้ำหนักที่เท่ากันกับผลไม้ชนิดอื่นๆ “สตรอเบอร์รี่” มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่า “ส้ม” ถึงหนึ่งเท่าครึ่ง, สูงกว่า “องุ่นแดง” สองเท่า, สูงกว่า “กีวี” สามเท่า, สูงกว่า “กล้วยหอม” กับ “มะเขือเทศ” เจ็ดเท่า และสูงกว่า “ลูกแพร” ถึงสิบห้าเท่า!!

มากประโยชน์ขนาดนี้ แถมยังหน้าตาน่ารักน่าหม่ำซะไม่มี คู่รักยุคใหม่ น่าจะเปลี่ยนเทรนด์ หันมามอบ “สตรอเบอร์รี่” เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ แทนกุหลาบช่อใหญ่ หรือ ตุ๊กตาหมีแบบเดิมๆ ซึ่งแสนจะสิ้นเปลือง...ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ปีนี้ คนมีคู่ หรือไม่มีคู่ ก็แวะไปอุดหนุนสตรอเบอร์รี่สายพันธุ์เลิศ ได้ที่เซ็นทรัล ชิดลม.

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ผิวสวย หน้าใส ด้วยสตอเบอร์รี่


สตรอเบอร์รี่นอกจากจะทานอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์มากาย สำหรับสาวๆที่มีผิวมันถึงผิวปกติค่ะ

สตรอเบอร์รี่ มีกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี่ ช่วยในการขัดลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างยอดเยี่ยมบำรุงแบบง่ายๆให้ลองเอา สตรอเบอร์รี่ผ่าซีกทาลงบนผิวหน้าให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 2 นาที แล้วล้างออก ผิวจะนุ่มลื่นขึ้น

สตรอเบอร์รี่ครีมมาสก์ ผสมผลไม้ กับนมเปรี้ยว และน้ำผึ้ง ทาบนใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก ผิวจะนุ่ม ช่วยลดสิว และลดผิวมัน

สำหรับเท้า ถ้าผิวเท้าหยาบกร้าน ลองทำสครับด้วย สตรอเบอร์รี่ 8 ผล น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1 ช้อนชา บดผสมให้เข้ากันจนข้น แล้วถูนวดลงบนเท้า จากนั้นก็ล้างออก

แก้ตาบวม สตรอเบอร์รี่เป็นชิ้นบางๆ และวางลงใต้ตา ผ่อนคลายสัก 10 นาทีแล้วเอาออก จะรู้สึกว่ารอบดวงตาดูชุ่มชื้นนึ้น

ใต้ตาหมองคล้ำ


วิธีดูแลรอบดวงตา
นำช้อนกาแฟที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน นำไปจุ่มในถ้วยกาแฟและนำไปแช่ในช่องฟิตของตู้เย็นจากนั้นทิ้งช้อนไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมงแล้วจึงนำออกมา ครอบไว้ที่ดวงตาทั้ง 2 ข้างจนหมดความเย็น ทำทุกวันหลังล้างหน้าเสร็จแล้วดวงตาที่หมองคล้ำของคุณก็จะสดใสไร้ความหมองคล้ำ

วิธีนวดใต้บริหารรอบดวงตา
ใช้ปลายนิ้วกลางและนาง ยืดคิ้วออกด้านข้าง 3 ครั้ง ใช้นิ้วกลางของทั้งสองข้างหมุนวนรอบดวงตาพร้อม ๆ กัน โดยวนตามเข็มนาฬิกา และทุกครั้งให้หยุดกดบริเวณหัวคิ้ว ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ จำนวน 4-6 รอบ ใช้นิ้วกลางกดจุดไล่ตั้งแต่หัวคิ้วถึงขมับ จำนวน 3 รอบ กดจุดไล่ลงมาที่บริเวณใต้ตา ไล่ตั้งแต่หัวตาถึงหางตา 3 รอบ ใช้นิ้วหลางนวดที่บริเวณขมับ หมุนเป็นรูปเลขแปด ทำซ้ำ อีก 6 รอบ จากนั้นทำตามขั้นตอนข้างต้น ทั้งหมด อีก 3รอบ จากนั้นนำมือทั้งสองปิดที่ดวงตา ลากน้ำหนักที่ปลายนิ้วออกไปที่ด้านข้างกรอบหน้า แล้วจึงค่อย ๆ ยกฝ่ามือออกจากหน้า

ขัดริมฝีปากแบบง่ายๆ


ลองขจัดความแห้งแตกบนริมฝีปากด้วยตำรับง่ายๆ

> เริ่มจากผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งช้อนชาเข้ากับน้ำผึ้งหนึ่งช้อนชา

> น้ำตาลทรายสองช้อนชา และน้ำมะนาวสดอีกเล็กน้อย

> คนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนได้เป็นเนื้อทรายข้นๆ

> จากนั้น ใช้นิ้วหรือแปรงสีฟันถูส่วนผสมนั้นลงบนริมฝีปากเบาๆ สักสองสามนาที แล้วล้างน้ำออก

คุณก็จะได้ริมฝีปากที่เนียนนุ่มขึ้น โดยไม่ต้องทุ่มเงินซื้อผลิตภัณฑ์ราคาแพงๆ

ครีมแตงกวา สูตรธรรมชาติ


การพอกหน้าด้วยสูตรธรรมชาตินี้ เหมาะสำหรับคนที่มีผิวหน้าค่อนข้างมัน คือผิวผสม มีความมันตรงทีโซน คือบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง สามามารถมาส์กได้ด้วยสูตรนี้ ใบหน้าจะลดความมัน และยังช่วยลดจุดดำๆ ด่างๆ หรือฝ้าที่เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้านุ่มมีความชุ่มชื้น ทำได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ส่วนประกอบ นอกจาก แตงกวา เป็นตัวหลักต้องมีตัวตามที่ขาดมิได้อย่าง ไข่และมะนาว พร้อมอุปกรณ์ อาทิ เครื่องปั่น ถ้วยใบเล็ก และหมวกคลุมผม

ปรุงโฉมหน้าผลิตครีมแตงกวาใช้เองด้วยวิธีง่ายๆ ปอกเปลือกแตงกวา ล้างน้ำให้สะอาด ตอกไข่ใส่ชาม คัดไข่แดงออก ใช้แต่ไข่ขาว นำแตงกวาและไข่ขาวบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย ใส่เครื่องปั่น ตักใส่ถ้วยสวยใบใส

ล้างหน้าให้สะอาด ซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่ม แตะครีมแตงกวาที่เพิ่งทำเสร็จมาหมาดๆ ทาให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ให้นานที่สุดอย่างน้อยๆ สัก 20 นาที ห้ามเคลื่อนไหวใบหน้า พอครบเวลาล้างออกด้วยน้ำสะอาด สัมผัสแรกคือ รู้สึกสดชื่นชื้นทันที และผิวชุ่มชื้นนวลนุ่ม ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ จะเห็นผล...

ทาเล็บเท้า ให้ดูสวย!!


O Do ควรจะทำความสะอาดเล็บด้วยการล้างสีเล็บเก่าออกเสียก่อน (ถ้าทาสีอยู่แล้ว) วิธีทำความสะอาดก็ไม่ยุ่งยากอะไร เพียงแค่แช่เท้าในน้ำสบู่อ่อนๆ และขัดเล็บเท้าด้วยแปรงขนนุ่มๆ

X Don't ถ้าอยากให้สีเล็บเท้าติดสนิททนนาน ก็ควรจะละเว้นสีที่เป็นประกายด้วยกากเพชรแวววาว เพราะสีทาเล็บประเภทนี้จะไม่ติดทนนาน

O Do ยาทาเล็บชนิดแห้งเร็วนั้นสะดวกทันใจดี แต่จะให้สวยทนนานแล้วล่ะก็คงจะต้องเป็นแบบมาตรฐานทั่วไปที่แห้งช้ากว่าแต่คุณภาพเป็นที่น่าพอใจ

X Don't อย่าทาสีเล็บให้หนาเตอะ เพราะจะดูจับเป็นก้อนไม่เรียบเนียน

O Do เก็บยาทาเล็บไว้ในตู้เย็นก็ดีนะคะ เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้

X Don't ไม่ต้องกลุ้มใจไปถ้าหากมีตำหนิเล็กน้อยบ้างจากการทาเล็บ เพราะระยะห่างจากดวงตาที่มองไปยังปลายเท้านั้นไกล มองเห็นตำหนิเล็กน้อยได้ยากอยู่แล้ว

บำรุงสภาพผิวสวยด้วย อะโวคาโด


อะโวคาโด (Avocado) เป็นผลไม้ที่ปลูกมากในอเมริกา ซื้อกันได้ไม่ยากตามซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำทั่วไป ผลของอะโวคาโดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวิตามินต่างๆ ทั้งวิตามินเอ ดี และอี แร่ธาตุต่างๆ เช่น โปแตสเซียม ซัลเฟอร์ และน้ำมันจากธรรมชาติ

อะโวคาโดเหมาะอย่างยิ่งกับการนำมาเสริมความงามให้กับเรือนผม และใบหน้า เพราะเนื้ออะโวคาโดจะแทรกซึมสู่เส้นผมและผิวหนังได้เป็นอย่างเป็นดี ถ้าเป็นอะโวคาโดสายพันธุ์จากแคลิฟอร์เนีย (California Avocados) จะดีที่สุด เพราะความอุดมสมบูรณ์และความเข้มข้นของน้ำมันที่มีมากกว่าพันธุ์อื่นๆ

ตำรับเครื่องสำอางจากผลอะโวคาโด

Avocado Facial Cleanser
ส่วนผสม : ไข่แดง 1 ฟอง นม 1/2 ถ้วย เนื้ออะโวคาโดบดละเอียด 1/2 ลูก นำไข่แดงมาตีให้เข้ากันจนเป็นฟองแล้วเติมนมและเนื้ออะโวคาโดตามลำดับ ตีให้ส่วนผสมเข้ากันด้วยส้อมจนกลายเป็นเนื้อครีมบางๆคล้ายโลชั่น หลังจากนั้นใช้สำลีแผ่นชุบแล้วเช็ดหน้าให้ทั่วเหมือนที่คุณใช้กับ เคลนเซอร์ทั่วไป สามารถใช้ส่วนผสมนี้หลังจากการล้างหน้าแบบปกติที่ทำอยู่ประจำด้วยสบู่หรือน้ำ ถ้าคุณเป็นคน มีผิวหน้าธรรมดา สูตรนี้จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณปราศจากสิ่งสกปรกต่างๆเป็นอย่างดี เพราะจะเหมาะอย่างยิ่งใน การต่อต้านสิ่งสกปรกและละอองฝุ่นที่แอบเกาะติดมาบนในหน้าของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว

Dry Skin Masque (สำหรับผิวหน้าแห้ง)
ส่วนผสม : ไข่แดง 1 ฟอง และเนื้ออะโวคาโดบดละเอียด 1/2 ลูก นำไข่แดงมาตีให้เข้ากันจนเป็นฟองและตามด้วยการเติมเนื้ออะโวคาโด คนส่วนผสมให้เข้ากัน (ถ้ามีเครื่องปั่นก็สามารถใช้ได้) หลังจากมีใบหน้าที่สะอาดหมดจดแล้วก็นำส่วนผสมทั้งหมดมาพอกหน้าพอกคอ ให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เมื่อครบเวลาให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดด้วยผ้าแห้งและล้างหน้าด้วย น้ำเย็น ผลที่ได้ก็คือผิวหน้าที่เรียบเนียนขึ้นและการมีใบหน้าที่ดูดีมีชีวิตชีวาขึ้น

Oily Skin Masque (สำหรับผิวหน้ามัน)
ส่วนผสม : ไข่ขาว 1 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และเนื้ออะโวคาโด 1/2 ลูก นำส่วนผสมทั้งหมดมารวมกันในเครื่องปั่น ปั่นจนเนื้อเข้ากัน 2 วินามีก็จะได้ส่วนผสมสีเขียวที่ งดงามน่านำมาพอกหน้ายิ่งนัก นำส่วนผสมทั้งหมดที่ได้มาพอกใบหน้าและลำคอที่สะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ เช็ดด้วยผ้าแห้ง เท่านี้ใบหน้าที่ปราศจากความมัน

Avocado Moisturizer
หลังจากขั้นตอนการชำระล้างใบหน้าให้สะอาดและพอกหน้าให้สดใสแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทามอยสเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer)

โดยการใช้เปลือกอะโวคาโดแกะเอาเนื้อไปแล้วอย่าทิ้งเปลือกไปด้วยเพราะ เปลือกจะอุดมด้วยน้ำมันอันทรงคุณค่าอยู่ภายในนั้นมีประโยชน์มากไม่น้อยไปกว่าเนื้ออะโวคาโดเลย เพราะน้ำมันในเปลือกที่มีสารห่อหุ้มความชุ่มชื้นอยู่อย่างเต็มเปี่ยมจะช่วยให้ผิวหน้ารู้สึกถึงสดชื่น เพียงนำเปลือกอะโวคาโดมาถูบนใบหน้าในแนวขึ้นและนวดหน้าด้วยเปลือกอย่างแผ่วเบา ทิ้งให้น้ำมันซึมซาบสู่ใต้ผิวประมาณ 15 นาที หากทำก่อนนอนก็สามารถทิ้งไว้อย่างนั้นไปได้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้าง ออก แต่ถ้าต้องไปนอกบ้านพร้อมการแต่งหน้า แค่ล้างหน้า 3 - 4 ครั้งด้วยน้ำอุ่น แล้วเช็ดหน้าให้แห้ง แล้วก็แต่งหน้าได้ตามปกติ

Eye Treatment
อะโวคาโดมีประสิทธิภาพที่จะทำให้รอยหมองคล้ำต่างๆ เจือจางไปได้โดยปลอกเปลือก เอาเมล็ดออกและเฉือนเนื้ออะโวคาโดให้เป็นรูปเหมือนดวงจันทร์เสี้ยว 2 - 3 ชิ้นต่อ ดวงตาแต่ละข้าง นำมาแปะไว้ที่ดวงตา 20 นาที ก็ทำให้ดวงตาไร้รอยช้ำ และรอยหมองคล้ำจางลงได้

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

7 เคล็ดลับผลาญส่วนเกิน


ถ้าสาวๆ อยากได้รูปร่างสวยเพรียว นอกจากจะต้องเอาจริงกับมันแล้ว ยังต้องมีวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องด้วย


1. งดอาหารที่มีไขมันอย่างเด็ดขาด
วิธีนี้จะช่วยให้หน้าท้องลดลงได้ดีที่สุด เพราะหน้าท้องของเราจะเป็นที่แรกที่ร่างกายจะเอาไขมันส่วนเกินมาสะสมไว้

2. จำกัดปริมาณอาหารเรียงกันไปในแต่ละมื้อ
ทานมื้อเช้าให้มากที่สุด มื้อกลางวันรองลงมา ส่วนมื้อเย็นควรเป็นมื้อที่ทานน้อยที่สุด หรือกินแค่ผลไม้หรือสลัดผักสักจานก็พอแล้ว

3. ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
แต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 30 นาที สาวๆควรจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การเผาผลาญไขมันส่วนเกินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสลายไขมันได้แล้ว การออกกำลังกายต่อไปก็จะทำให้กล้ามเนื้อกระชับและป้องกันไม่ได้ไขมันกลับมาอีก

4. สำหรับการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักนั้น
จะต้องเน้นที่การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะด้วยจึงจะได้ผลดี เช่น เต้นแอโรบิก วิ่ง ว่ายน้ำ

5. ถ้าสาวๆ อยากจะออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อลดหน้าท้อง
ควรจะทำในช่วงเช้าจะได้ผลดีที่สุด เพราะในตอนเช้าเป็นเวลาที่ระบบต่างๆ ในลำไส้กำลังทำงาน ถ้าได้ออกกำลังกายก็จะยิ่งเสริมการเผาผลาญบริเวณนี้ให้มากขึ้น

6. สำหรับท่าบริหารลดหน้าท้อง
ไม่ว่าจะเลือกทำท่าใดก็ตาม ควรจะทำไม่ต่ำกว่าเซ็ตละ 15 ที จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนเซ็ตขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 3 เซ็ตใน 1 ครั้ง


7. ถ้าจะลดหน้าท้องให้ได้ผล
หัวใจหลักอยู่ที่การทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องได้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ถ้าท่าลดหน้าท้องที่สาวเลือกใช้ทำไม่ได้ตามนี้ ก็แสดงว่าท่านั้นเป็นท่าที่ไม่ได้ผลหรือต่อให้ออกกำลังกายอย่างหักโหม แต่หน้าท้องไม่ได้เคลื่อนไหวเลย ก็เท่ากับว่าเสียแรงเปล่าอยู่ดี

สูตรผิวสวยด้วยข้าวโพด


ข้าวโพด นิยมนำมาเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์และครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยชะลอวัย เนื่องจากมีวิตามินซี บี1 และสารต้านอนุมูลอิสระแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll)

สูตร 1โลชั่นลดจุดด่างดำ ปั่นเมล็ดข้าวโพด 1 ถ้วยกับน้ำต้ม 1/3 ถ้วยจนละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ผสมน้ำมะนาว 2 ช้อนชาและน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ทาทับอีกครั้งแล้วทิ้งไว้อีก 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
สูตร 2 สูตรครีมหน้าขาว-กระชับรูขุมขน ปั่นเมล็ดข้าวโพด 1 ถ้วยกับน้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะจนเป็นครีม เติมน้ำมะนาว 3 ช้อนชาและไข่ขาว 1 ฟองปั่นต่อจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาทาทั่วใบหน้า ใช้ปลายนิ้วคลึงเบาๆ เน้นบริเวณหน้าผาก จมูก คาง ประมาณ 10 นาที พอกทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น

ล้างหน้าอย่างไรให้ใสปิ๊ง!!


การล้างหน้านั้น มีผลิตภัณฑ์มากมายหลายแบบ แล้วรู้ไหมว่าผิวหน้าของเราเหมาะกับที่ล้างหน้าแบบไหน แสนเสน่ห์จะมาบอกเคล็ดลับการใช้ที่ล้างหน้าให้เหมาะกับผิวหน้าของคุณสาวๆ Women.mthai.com การใช้ที่ล้างหน้าจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ตามรูขุมขนให้หลุดออกไป ซึ่งผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็ได้แยกออกเป็นดังนี้

· ครีม เหมาะกับทุกสภาพผิวเพราะมีความอ่อนโยนต่อผิวหน้า เคล็ดลับ หลังจากที่ล้างหน้าแล้ว ให้ซับหน้าด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นๆ แล้วผิวจะสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

· ครีมน้ำนม เหมาะสำหรับสาวๆที่มีผิวแห้งและผิวธรรมดา เพราะครีมน้ำนมจะช่วยทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย เป็นตัวฮิตของสาวๆเลยล่ะ ใครได้ลองใช้แล้วจะติดใจ (เพราะแสนเสน่ห์เคยลองมาแล้ว อิอิ)

· เจล มีความอ่อนโดยนต่อผิวมาก และยังทำให้ผิวรุ้สึกเย็นสดชื่นอีกด้วย (เอาไปแช่ตู้เย็นแล้วเอาออกมาใช้เย็นสบายหน้าสุดๆ)

· น้ำมัน เหมาะกับสาวๆที่มีผิวแห้งเพราะช่วยทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นไม่แห้งตึง ทั้งยังอ่อนโยนต่อผิวหน้าอีกด้วย

ผิวสวย หน้าใส ด้วยวิตามินซี

Vitamin C



WHAT IS IT? : การค้นพบวิตามินซีเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ในทหารเรือที่รับประทานมะนาวเป็นประจำทำให้ไม่มีอา การป่วยเป็นโรคลักปิดลักเปิด ต่อจึงระบุได้ว่ามันเป็นผลมาจากกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) หรือวิตามินซีที่เรา คุ้นชื่อสามัญกันในปัจจุบัน

GREAT EFFECTS : วิตามินซีมีประโยชน์มากมาย
- มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ด้วยกระบวนการรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ ให้คงอยู่ในร่างกาย
- วิตามินซีช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น
- ช่วยในการป้องกันเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอัลตร้าไวโอเลต สาเหตุโรคต้อกระจก ซึ่งผลวิจัยพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี มีความเสี่ยงของโรคต้อกระจกลดลงถึง77% บรรเทา อาการแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ หอบหืด ไซนัส
- ป้องกันอาการไมเกรน ช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท ช่วยปกป้องเซลล์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันเสริมสมดุลให้สุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็น
- คอลลาเจน ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ เต่งตึงกระชับ สุขภาพดีและเรียบเนียนอีกด้วย

EAT & DRINK : สามารถเลือกรูปแบบได้ทั้งยาเม็ด ผง และเคี้ยว
- ควรรับประทานหลังอาหารอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน
- การบรรเทาโรคหวัด ควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณ 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวันตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัด จะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น
- รับประทานร่วมกับ Pantothenic Acid โดย วิตามินซี จะไปช่วยลดความเครียดได้ดี จะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะ ไบโลบ้า โคเอนไซม์ Q10 หาก
- รับประทานพร้อมกับ Super White, กลูตาไธโอน พร้อมทั้งดูแลผิวจากภายนอกด้วยการขัดผิว พอกผิว และบำรุงผิวเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้ผิวขาวใสอมชมพู รับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

แผลเป็น จาก สิว จางหาย

ใครที่มีปัญหาเรื่องสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว ยิ้มหวาน มีตัวช่วยมาฝากจ๊ะ



ก่อนอื่นต้องล้างหน้าให้สะอาด ซับให้แห้ง จากนั้น ใช้เนื้อแอปเปิ้ลเขียวครึ่งผล ผสมกับ น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ บดรวมกันให้ละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ทาให้ทั่วใบหน้า เน้นเป็นพิเศษบริเวณที่เป็นแผลเป็น ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก เปลือกแอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยวิตามินบำรุงผิว พอมาผสานกับน้ำผึ้งที่มีสารฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ ยิ่งทำให้สิวไม่กล้ามาเยี่ยม แถมยังบำรุงผิวไปพร้อมๆ กันด้วย สูตรนี้ทำได้ทุกวันด้วยล่ะ...

ขจัด รอยคล้ำใต้ตา แบบเร่งด่วน


ถ้าคุณมี รอยคล้ำใต้ตา มากกว่าปกติ ก็วาง มันฝรั่ง ที่ฝานเป็นแผ่นบางๆ ไว้บนบริเวณใต้ตาเป็นเวลา 10 นาที

มันฝรั่ง มีเอนไซม์ที่ทำให้ผิวดูอ่อนจางลงได้ จึงช่วย ลดความหมองคล้ำ ให้คุณได้ชั่วคราว วิธีนี้จึงเหมาะจะใช้เวลาที่คุณต้องการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

วิธีรักษากระด้วยไชเท้า



ทราบหรือไม่ว่าประโยชน์ของไชเท้านอกจากไว้รับประทานแล้วยังสามารถนำมารักษากระได้ มีวิธีมาฝาก...

วิธีทำ คือ นำหัวไชเท้ามาล้างให้สะอาด นำมาฝานบาง ๆ เป็นชิ้น ๆ นำไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นใส่น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ แล้วปั่นรวมกันอีกครั้ง แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงทาครีมบำรุงตามปกติ ทำเป็นประจำ กระจะค่อย ๆ จางหายไป
แต่วิธีแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษา ทางที่ดีควรป้องกันไม่ให้เกิดกระจะดีกว่า.

เท้าเนียนสวยรับร้อน



เนื่องจากเท้าต้องเสียดสีกับรองเท้าเป็นประจำ จึงทำให้เกิดผิวด้านๆ หรือผิวหยาบกร้านขึ้นบ่อยๆ แต่ในช่วงอากาศร้อนที่คุณอาจอยากเปลือยเท้าหรือใส่รองเท้าแบบเปลือยๆ มากขึ้น ก็ถึงเวลาต้องขจัดความหยาบกร้านนั้นออกไปได้แล้ว นี่คือทรีตเมนต์ง่ายๆ ที่จะช่วยให้เท้าเนียนนุ่มน่ามองขึ้น

สิ่งที่คุณต้องการก็คือ

กะละมังปากกว้างๆ

น้ำสัปปะรดคั้นสดๆ สองถ้วยครึ่ง

น้ำกระทิหนึ่งถ้วยครึ่ง

หินขัดเท้า

โลชั่นแบบเข้มข้น

ถุงเท้าผ้าฝ้ายหนึ่งคู่

ขั้นแรก เทน้ำสัปประรดลงในกะละมัง ตามด้วยน้ำกะทิ คนให้เข้ากัน แล้วนั่งแช่เท้าในส่วนผสมนั้นให้สบายเป็นเวลา 10 ถึง 15 นาที (กรดผลไม้ตามธรรมชาติจะช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดลอกออกไป) จากนั้น ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วเริ่มขัดผิวด้านๆ ด้วยหินขัดเท้า คุณควรดูให้ดีว่าผิวตรงไหนควรใช้แรงขัดขนาดไหน เพราะผิวหนังบ้างส่วนถ้าขัดแรงเกินไปก็อาจทำให้เกิดแผลถลอกได้

สุดท้ายก็เช็ดเท้าให้แห้งแล้วชะโลมโลชั่นลงไปเยอะๆ นวดให้ซึมเข้าไปในผิว จากนั้น สวมถุงเท้าเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ หรือถ้าสวมนอนได้ก็จะยิ่งดี แล้วคุณจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับเท้าที่เนียนนุ่มน่าสัมผัส

ผิวสวยด้วยเกลือธรรมชาติ


1. เกลือช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้น

เกลือนอกจากจะทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกและเป็นตัวต่อต้านเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติแล้ว ยังช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปได้ด้วย โดยใช้เกลือผงประมาณหนึ่งกำมือนวดเบาๆ เป็นแนววงกลมลงบนผิว แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ วิธีนี้ผิวจะต้องไม่มีแผลนะคะ ไม่อย่างนั้นสาวๆคงจะแสบผิวแทน

2. เกลือช่วยเพิ่มน้ำหนักให้เส้นผม

สาวๆเคยสังเกตหรือเปล่าคะว่าเวลาไปเที่ยวทะเลแล้วเส้นผมมักจะอยู่ทรงสวย นั่นก็เพราะเกลือในน้ำทะเลจับตัวอยู่บนเส้นผม ทำให้เส้นผมมีน้ำหนักและอยู่ทรงได้ สาวๆก็สามารถมีผมสวยอย่างนั้นโดยไม่ต้องไปทะเลได้ โดยผสมเกลือผงหนึ่งช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำสะอาดหนึ่งถ้วย คนให้เข้ากันแล้วเทลงในขวดสเปรย์ จากนั้นก็ฉีดลงบนเส้นผมในขณะแต่ทรง แล้วปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ เพียงเท่านี้ สาวๆก็จะมีเส้นผมที่ดูน้ำหนักเป็นธรรมชาติแล้วค่ะ

3. เกลือช่วยขจัดความมันเยิ้ม

ในการทำให้ผิวที่เป็นมันเยิ้มดูไม่เป็นเงา รวมทั้งทำให้ทุกสภาพผิวดูมีชีวิตชีวาขึ้นนั้น ก็ผสมเกลือ ½ ช้อนชาเข้ากับคลีนเซอร์ที่ใช้อยู่เป็นประจำ จากนั้นก็นวดลงบนผิวหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด ความมันเงาก็จะค่อยๆลดลงค่ะ

4. เกลือช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก

สาวๆสามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก ด้วยการผสมแครอทสับละเอียด ¼ ถ้วย ผสมกับเกลือผง ½ ช้อนชาและมายองเนสอีก 1 ½ ช้อนชา หลังจากนั้นก็ตีให้เข้ากัน จากนั้นนำมาทาลงบนใบหน้าที่ยังชื้นๆอยู่ ทิ้งเอาไว้ 10 นาทีแล้วล้างน้ำออก เพียงเท่านี้ผิวหน้าก็จะสะอาดล้ำลึก

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

เลือกใช้แป้งแบบไหนดี ?


ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าของโลกปัจจุบัน ทำให้มีแป้งแต่งหน้าอยู่มากมายหลายชนิดจนอาจสร้างความสับสนให้กับคุณได้ เราเลยขอมาไขความกระจ่างเกี่ยวกับแป้งแต่ละชนิด เพื่อที่คุณจะได้เลือกหาให้ตรงกับความต้องการของคุณจริง ๆ


แป้งตลับหรือแป้งแข็ง มักเป็นแป้งที่ผสมรองพื้นมาให้เสร็จสรรพ และสะดวกต่อการพกพาไปไหนต่อไหน แต่คุณก็ต้องระวังไว้ด้วย เพราะถ้าทาแป้งชนิดนี้มากเกินไป ก็อาจทำให้ดูหนาเตอะและขาวเว่อร์ได้


แป้งโปร่งแสง จะมีลักษณะเป็นแป้งฝุ่นสีขาวๆ ที่ทาแล้วแทบมองไม่เห็น จึงเหมาะจะใช้ทาให้ทั่วใบหน้าด้วยแปรงแต่งหน้าหรือพัฟฟ์นุ่มๆ บางชนิดอาจจะมีการเจือสีสันมาด้วย โดยมากมักเป็นสีอมชมพูหรืออมเหลือง ซึ่งเราขอแนะนำให้ใช้สีอมเหลือง เพราะจะช่วยให้ทุกสีผิวดูสวยขึ้นได้ดีกว่าสีอมชมพู


แป้งฝุ่น จะมีให้เลือกหลายเฉดสี ซึ่งเหมาะจะใช้คู่กับครีมรองพื้นที่มีเฉดสีเดียวกัน ซึ่งควรใช้ทาบาง ๆ ด้วยแปรงแต่งหน้าหรือพัฟฟ์เหมือนกัน

สตรอว์เบอร์รี่ครีมมาสก์


นี่เป็นสูตรความงามแบบโฮมเมดที่ทั้งชวนให้น้ำลายไหลและทำได้ง่ายอย่างมาก

สิ่งที่คุณต้องการ

- สตรอว์เบอร์รี่ ผลขนาดกลาง 3-4 ผล

- ครีม 1 ช้อนโต๊ะ

- น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ (เลือกแบบออแกนิกส์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษที่ทำให้ผิวระคายเคือง)

วิธีทำ
บดสตรอว์เบอร์รี่ให้ละเอียด เติมครีมและน้ำผึ้งลงไปเพื่อให้เป็นส่วนผสมข้นๆ ทาลงบนใบหน้าและลำคอที่ทำความสะอาดแล้ว (เว้นรอบบริเวณดวงตา) ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำแร่

น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมที่รู้จักกันดีมานานนับศตวรรษแล้วว่า เป็นสารให้ความชุ่มชื้นชั้นยอด

ครีมจะบำรุงผิวร่วงโรย ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและชุ่มชื่น

กรดซาลิไซลิกใน สตรอว์เบอร์รี่ช่วยทำความสะอาดและกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ผิวจะสดชื่นและสดใสขึ้นทันทีด้วยมาสก์ตัวนี้

คุณอาจเปลี่ยนมาใช้โยเกิร์ตแทนครีมเพื่อช่วยสร้างความสมดุลของกรดด่างในผิว และอาจใช้ราสเบอร์รี่แทนสตรอว์เบอร์รี่ก็ได้ มาสก์โยเกิร์ตและราสเบอร์รี่จะเหมาะอย่างมากสำหรับผิวแพ้ง่าย และไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองสำหรับคนที่อาจแพ้สตรอว์เบอร์รี่

มะม่วง แก้ปัญหาผิวแตกเป็นริ้วรอย


ใครทราบบ้างว่า มะม่วงสามารถแก้ไข้ปัญหาผิวแตกเป็นริ้วรอยได้ วันนี้มีเกร็ดความรู้มีมาบอกกัน...

สำหรับสาวๆคนไหนที่มี ผิวแห้ง หยาบ แตกเป็นริ้วรอย ริมขอบตามีรอยตีนกา มีสิวฝ้าบริเวณใบหน้า สามารถใช้เนื้อมะม่วงสุกรักษาได้ คือ นำมะม่วงสุกตีจนเละพอกหน้าเว้นบริเวณขอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก ส่วนน้ำมะม่วงก็มีประโยชน์อย่าเพิ่งทิ้ง ให้นำมาทาข้อศอก ลำคอ หลังมือ แล้วจึงล้างออกให้สะอาด จะทำให้ผิวจะนุ่มนวล

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าใครอยากหน้าสวยใส ก็อย่าลืมลองนำวิธีที่แนะนำไปทำตามกันได้

สูตรหน้าใสไร้สิว


ส่วนประกอบ
1.ไข่ไก่ 1 ฟอง
2.น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา
3.นมผง 2 ช้อนชา
4.น้ำมันงา 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำ
1.ตอกไข่เอาเฉพาะไข่ขาว แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมตีให้เข้ากันดี
2.ล้างหน้าให้สะอาดและซับหน้าให้แห้ง
3.นำส่วนผสมต่างๆที่เตรียมไว้มาทาให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตา พักหน้าทิ้งไว้ 20-25 นาที
4.แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ให้สะอาด ซับหน้าให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวหน้าที่ใช้ปกติ เพื่อบำรุงใบหน้าได้ดียิ่งขึ้น ทำเป็นประจำหน้าจะสดใสไร้สิวนุ่มเนียนน่ามอง

อย่าลืม เอาไปลองทำกันดูนะคะ จะได้มีหน้าสวยใสไร้สิวกันทุกคนเลย

วิธีสวยชนะเลิศในภาพถ่าย


บิดเอวพรางหุ่น

ใครที่บอกว่าเมื่อถ่ายรูปออกมาแล้วคุณจะดูน้ำหนักเกินจริงประมาณห้ากิโลกรัมอาจไม่เคยลองเคล็ดลับเด็ดนี้ “บิดลำตัวให้หัวไหล่ข้างหนึ่งหันเข้าหากล้อง ส่วนอีกข้างบิดไปด้านหลัง” แพทติ วู้ด ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากายที่แอตแลนต้ากล่าว “วิธีนี้ทำให้หุ่นของคุณดูเพรียวบางขึ้น”

เรียวปากโดดเด่น

“ลิปสติกประกายระยิบระยับสีแดงระเรื่อเหมือนสีของผลเบอร์รี่นั้นเหมาะกับทุกคน” มิมี่ ดอร์ซี่ย์ ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ที่ลอสแองเจลิสกล่าว หลีกเลี่ยงการทาลิปสติกสีนู้ดซึ่งทำให้คุณดูซีดเซียวยามต้องแสงแฟลช รวมถึงลิปสติกสีเจ็บที่ทำให้หลายคนตกม้าตายมานักต่อนักแล้วเพราะดูแรงเกินไปยามถ่ายรูปออกมา

อย่าปล่อยให้หน้าเยิ้ม

ในขณะที่ผิวมีประกายเปล่งปลั่งทำให้คุณดูสวยสดใส แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจจะไม่น่าดู ทรอยกล่าวทั้งยังแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง Clinique Pore Minimizer Instant Perfector “เกลี่ยเบาๆบริเวณด้านข้างจมูก หน้าผาก และคาง เพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้ช่วยป้องกันไม่ให้หน้าดูมันเยิ้มและไม่เหนียวเหนอะหนะอีกด้วย”

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

แปะก๊วย ช่วยบำรุงสมอง

ผลแปะก๊วย ทำเป็นของหวานแล้ว ก็ยังนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารจีนหลากหลายชนิด (เช่น ขนมบะจ่าง) ความมหัศจรรย์ของพืชชนิดนี้นั้น ชาวจีนเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เนื่องจากสามารถบำบัดโรคต่างๆได้ มีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ทำให้มีสมาธิและความจำที่ดี แถมยังช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก
แปะก๊วย (Ginkgo Biloba) ที่เราพบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะอบแห้ง มีเปลือกหุ้ม ก่อนจะนำมาประกอบอาหารจะต้องแกะเปลือกออกก่อน เนื้อในแปะก๊วยจะเป็นสีเหลืองจะมีเยื้อเปลือกห่อหุ้มอีกทีเป็นสีส้มน้ำตาล แม้ความจริงแล้ว แหล่งใหญ่ของสารที่มีคุณต่อสุขภาพนั้น กลับพบมากในส่วนของใบมากกว่าผลเสียอีก

ใบแปะก๊วย มีลักษณะแยกเป็น 2 กลีบ คล้ายกังหันลม เมื่อนำมาสกัดด้วยตัวทำละลาย จะพบว่ามีสารสกัดสำคัญ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มฟลาโวน (Flavonoids) มีฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในร่างกายที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนที่เหลืออีกสองกลุ่มเป็นน้ำมันจากใบแปะก๊วย คือ Bilobalides และ Ginkgolides สารทั้งสองตัวนี้มีบทบาทช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (โรคสมองฝ่อ) โดยเป็นตัวเสริมสร้างการส่งสัญญาณในระบบสมอง ช่วยระบบหมุนเวียนเลือดให้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดแผลเรื้องรังโดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่เป็นโรคเบาหวาน และช่วยบรรเทาอาการชาตามปลายนิ้วมือและเท้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในบริเวณตา ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตาได้ ในปัจจุบัน เราจึงพบเห็นใบแปะก๊วยนำมาสกัดเป็นอาหารเสริม วางขายตามท้องตลาดเป็นจำนวนมาก

แปะก๊วย ดูจะเป็นพืชสมุนไพรมหัศจรรย์จริงๆ เอาเป็นว่าได้กินแปะก๊วยนั้นมีประโยชน์นักแล แถมยังอร่อยรสเลิศอีกต่างหาก หน้าร้อนนี้ ถ้าได้แปะก๊วยเย็นๆ (หรือร้อน แล้วแต่ความชอบ) เหนียวนุ่ม หวาน และไม่ขมสักถ้วย คงรู้สึกผ่อนคลายน่าดู แต่ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นที่ไหน ลองเดินเลาะเลียดไปตามถนนเยาวราช รับรองต้องมีสักร้านที่คุณต้องติดใจ

อาหารเพื่อผิวพรรณผ่องใส


คุณรู้ไหมคะ? ว่าอาหารต่างๆ ที่เรารับประทานกันเป็นประจำ สามารถช่วยให้ผิวพรรณสดชื่น เปล่งปลั่ง และดูอ่อนวัยได้ เพราะอาหารที่ดีกับสุขภาพ จะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น และช่วยขับพิษออกจากร่างกาย วันนี้ BKKMENU.com จะยกตัวอย่างของ อาหารที่ดีเพื่อผิวพรรณผ่องใส มาบอกต่อสำหรับผู้ที่รักและใส่ใจสุขภาพทุกท่าน อย่างแรกก็คือ....

เนื้อปลา เนื้อปลาเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย
น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงก็จริง แต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง เป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอ และอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม

เมล็ดข้าวและธัญพืช ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ด ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งจะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์ มีงานวิจัยระบุว่าวิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้แก่ผิว

ผักและผลไม้สด ผักสด มีวิตามินเอ ช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้ง และยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ และยังมีวิตามินซีซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ผักสดและผลไม้ จึงควรเป็นอาหารที่คุณควรบรรจุไว้ในเมนูอาหารทุกมื้อของคุณ ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศสับปะรด ฝรั่ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอมาก ได้แก่ กล้วย มะละกอ ฟักทอง แครอท

น้ำเปล่า น้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกาย และหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วโตๆ เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่อง แบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และยังป้องกันผิวหย่อนยานจากการลดน้ำหนักอย่างอวบฮาบอีกด้วย

นี่เป็นเพียงไม่กี่ชนิดในบรรดาอาหารต่างๆ ที่ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสดูสดชื่น เพียงแค่รับประทานอาหารมีประโยชน์เหล่านี้ ต่อไปคุณอาจจะไม่ต้องพึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือเครื่องสำอางค์ทั้งหลาย ให้เปลืองสตางค์กันหรอกค่ะ

นอนอย่างไร ไม่ให้เกิดริ้วรอย


การนอนด้วยท่าที่กดทับหน้าก็ทำให้ผิวหน้าของเรามีริ้วรอยได้ เพราะผิวของเราได้ถูกกดทับเป็นเวลานาน เรานอนปลอดภัยจากริ้วรอยแล้วหรือยัง?

การนอนที่เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอย ...

นอนเอามือก่ายหน้าผาก

นอนคว่ำเอาหน้าซุกหมอน

ใช้ผ้าเนื้อหนาเป็นปลอกหมอน

นอนตะแคงหน้าทับรอยย่นของปลอกหมอน

หากว่ามีพฤติกรรมเหล่านี้ รู้ไว้เลยนะคะว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าสาวๆ เป็นริ้วรอย ซึ่งท่านอนที่ไม่ทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ ระหว่างการนอน ได้แก่ นอนหงาย เลือกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนที่มีเนื้อผ้านิ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง

ระวัง ของกินเล่น พลังงานสูง

ของกินเคี้ยวเพลินหลายอย่างมีคาร์โบไฮเดรตสูง กินมากความอ้วนอาจถามหาได้นะจ๊ะ มาดูซิว่ามีอะไรบ้าง

ทำไมต้องกิน "ข้าวกล้อง"


“เนื่องจากข้าวผ่านการขัดสีนั้น ทำลายเนื้อเยื่อของเมล็ดข้าวที่อยู่ใต้เปลือกข้าว ซึ่งมีโปรตีนและธาตุต่างๆเจือปนอยู่ รวมทั้งรำข้าวที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 1 วิตามินอี ฟอสฟอรัส ทองแดง เหล็ก และไขมัน”

ดังนั้น เมื่อคุณกินข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ คุณได้…. “วิตามินบี 1 บี 6 ได้แพนโทเทนิกแอซิด (บี 5) ได้แพงกามิกแอซิด (ตัวนี้แก้เหนื่อย แก้เพลีย ทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาว แก้โรคหัวใจ โรคหอบหืด) มีไนอะซิน (แก้ปวดหัวไมเกรน ทำให้ผิวดี) มีพาบา (paba) มีไบโอติน (biotin) ตัวนี้ช่วยให้ผมดกดำ มีไอโนซิโตลนคอริน (ช่วยเรื่องตับ แก้เรื่องโรคตับและตับแข็ง) มีวิตามินอี (E) มีน้ำมันชนิดดี linoleic ช่วยลดคอเลสเตอรอลและช่วยแก้โรคหัวใจ มีโฟอิกแอซิด ซึ่งช่วยบำรุงเลือด และที่สำคัญมี DNA/RNA”

“นอกจากนั้น ในข้าวกล้องยังอุดมไปด้วยกากอาหาร ที่ช่วยในระบบการย่อยอาหาร ดูดซึมน้ำในลำไส้ใหญ่ แถมยังช่วยให้ของเสียเคลื่อนตัวจากลำไส้ได้ดีขึ้นด้วย ทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่ากินข้าวกล้องเท่าไรก็ไม่ทำให้อ้วน”

สุขภาพดี กินแบบโอกินาวา


กินแบบโอกินาวา ชาวโอกินาวาของญี่ปุ่นได้ชื่อว่าอายุยืนมากที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งเพราะอาหาร พวกเขากินอย่างไรจึงอายุยืนยาว คอลัมน์ “Wellbeing & Health” นิตยสาร “โมเดิร์น มัม” ฉบับ ก.ค. รวบรวมไว้ดังนี้
ชาวโอกินาวามีคำพูดติดปากเสมอว่า “กินอาหารเป็นยา” จึงต้องคิดให้รอบคอบก่อนกิน ไม่ตามใจปาก ไม่งดกินโน่นกินนี่ แต่ละเลือกกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนอย่างเหมาะสมในแต่ละมื้อ ชาวโอกินาวามีวัฒนธรรมการกินอาหารเกือบอิ่มหรือที่เรียกว่า ฮาราฮาชิบุ คือ กินประมาณ 4 ใน 5 ส่วน ของท้องหรือประมาณ 1,800 กิโลแคลอรี่ (เทียบกับชาวตะวันตกโดยทั่วไปบริโภควันละ 2,500 กิโลแคลอรี) ซึ่งพอนั่งสักครู่จะรู้สึกอิ่มโดยธรรมชาติ วิธีนี้ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารไม่ทำงานหนักเกินไป

ชาวโอกินาวากินข้าวแต่ละคำช้า ๆ เคี้ยวนาน ๆ ทำให้รับรู้รสชาติอาหารได้ดีและช่วยให้ไม่กินมากเกินไป ลดการกินไขมันแทนการลดน้ำหนัก ทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่อ่อนล้าง่าย อาหารแต่ละมื้อมีวิตามินอีมาก ซึ่งเป็นผลดีต่อสมองจึงเป็นโรคเบาหวานและอัลไซเมอร์กันน้อยมาก

อาหารที่ชาวโอกินาวากินมีพืชผักสมุนไพร 7 ส่วนเป็นส่วนประกอบในอาหารทุกมื้อ ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ เช่น ขมิ้น สะระแหน่ งา พริก พริกไทย เป็นต้น ชาวโอกินาวากินเกลือน้อยมาก วันละไม่ถึง 3 ช้อนชา ช่วยลดอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ดี กินมิโซะก่อนกินอาหารทุกมื้อ ช่วยเพิ่มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้กินอาหารอย่างอื่นได้ไม่มากและไม่อ้วน

4 อาหาร ลดอาการตาแห้ง


กล้วย กินกล้วยทุกวัน เพราะกล้วยมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งจะทำงานร่วมกับโซเดียมเพื่อรักษาภาวะสมดุลน้ำในร่างกาย และช่วยให้ดวงตาของคุณชุ่มชื้นอยู่เสมอ
ถั่วประเภทนัท (Nut) ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะวอลนัต ควรรับประทานวันละประมาณ 1 กำมือ เพราะถั่วประเภทนี้มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในน้ำตา
ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่าหรือปลาแซลมอน เพราะมีกรดไขมันที่จำเป็นหรือโอเมก้า-3 ด้วย
น้ำมันปอ (Flexseed oil) หรือน้ำมันเมล็ดลินิน จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอ โดยรับประทานวันละ 1 ช้อนโต๊ะ หรือผสมในซีเรียลแล้วรับประทานก็ได้

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

3 สูตรไดเอทสุดฮิพของสาวญี่ปุ่น


ปกติอาหารญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อเรื่องไขมันน้อยอยู่แล้ว แต่สาวปลาดิบก็ยังยอมรับว่าวิธีไดเอทนี้จะช่วยลดความอ้วนได้เร็วกว่าแค่กินอาหารประจำชาติอย่างเดียว
1. ไดเอทด้วยกะหล่ำปลี

วิธีลดน้ำหนักสูตรนี้กำลังเทรนดี้อย่างแรงในหมู่สาวอวบของญี่ปุ่น แถมยังมีคนเอาไปออกรายการทีวีบ่อยๆ ที่สาวๆ นิยมเพราะมันทำง่าย ไม่ต้องลงทุนหนักๆ ปลอดภัยเพราะคิดค้นโดยนายแพทย์และยังเห็นผลเร็ว

How It Work กะหล่ำปลีที่ใช้ต้องเป็นกะหล่ำสดๆ ลงทุนไม่กี่บาท 1 หัวใหญ่ เอามาตัดแบ่งเป็น 4 ซีก แล้วทานที่ละ 1 ซีก กับน้ำสลัดไขมันต่ำก่อนมื้ออาหารทุกมื้อ กะหล่ำปลีเป็นผักที่มีส้นใยอาหารสูงมาก เมื่อกินเข้าไปจะทำให้หนักท้อง แทบไม่ต้องทานข้าวตามก็อิ่มได้ ช่วยให้กินน้อยลงโดยปริยาย ถ้าทนทำติดต่อกันได้จะไม่ผอมคงไม่ได้แล้วล่ะ

2. ไดเอทด้วยแครอทและอกไก่

สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบไดเอท เพราะกินเท่าไรก็ได้ โดยไม่รู้สึกว่ากำลังจำกัดอาหารอยู่ แครอทมีไฟเบอร์ทำให้อิ่มท้อง ส่วนเนื้อบริเวณอกไก่ก็แทบจะไม่มีไขมันเลย ขออย่างเดียวอย่ากินติดหนังเท่านั้น

How It Work เปลี่ยนมื้อเย็นของทุกๆ วันเป็นแครอทกับอกไก่ย่างแทน โดยใช้แครอทมื้อละ 1-2 หัว จะกินสดๆ หรือเอาไปต้มก่อนก็ได้ ส่วนอกไก่เป็นเมนูส่วนตัวของคุณ จะปรุงรสไหน หมักซอส หมักเกลือ ต้ม ย่าง อบ เชิญตามชอบ

3. ไดเอทด้วยกล้วยหอมกับน้ำเปล่า

นี่ก็สูตรยอดฮิต เพราะทำง่ายได้ผลเร็ว และกล้วยหอมยังเป็นผลไม้มากคุณค่า เหมาะสำหรับสาวๆ ทุกวัย

How It Work เลิกกินมื้อเช้าตามใจปากอย่างที่เคยทำ แล้วหันมากินกล้วยหอม 2-3 ผลกับน้ำเปล่าหลายๆ แก้วแทนเมื่อเส้นใยในกล้วยหอมเจอกับน้ำเปล่า มันจะไปขยายตัวในท้องคุณ และช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ให้สะอาด สลายไขมันที่อุดตันอยู่ในเส้นเลือดออกมาจากนั้นก่อนเข้านอน 4 ชั่วโมง จะพยายามไม่กินอะไรอีกเลยยกเว้นกล้วยหอมกับน้ำเท่านั้น และระหว่างวันถ้าหิวแทนที่จะคว้าขนมนมเนยเข้าปากเหมือนเคย ก็พึ่งกล้วยหอมนี่แหละ

บำรุงตาคู่สวย ด้วยน้ำนม


ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ เพราะฉะนั้นคุณสาวๆ women mthai ต้องหมั่นดูแลดวงตาคู่สวยไว้ให้ดีนะคะ จะได้มีตาสวยๆไว้สบตากับหนุ่มๆให้ใจละลายไปเลย มาทำตามสูตรกันดูค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
แผ่นสำลี
นมสด

วิธีทำ

ใช้สำลีเป็นแผ่นจะดีกว่าค่ะ นำมาชุบกับน้ำนมเย็นๆแล้ววางไว้บนเปลือกตาประมาณ 10 นาที แล้วจึงดึงออก แบ้วทำซ้ำอีกสักครั้ง จะช่วยให้ดวงตาของคุณสบายขึ้น สำหรับคุณสาวๆที่ร้องห่ม ร้องไห้ ตาบวมมาหลายวัน ก็ใช้วิธีนี้ได้เหมือนกันนะคะ ดวงตาคู่สวยจะได้กลับมาดังเดิม

มะนาวเปรี้ยวแบบมีประโยชน์


ความเป็นกรดของมะนาวทำให้มันมีประโยชนหลายอย่างต่อชีวิตของคุณ

อย่างการกำจัดคราบเหลืองจากปลายเล็บที่เกิดจากการสูบบุหรี่หรือคราบกาแฟ เพียงแค่ถูมะนาวฝานลงบนคราบเหลืองๆ นั่น มันจะจางหายไปได้ในที่สุด

คุณยังสามารถใช้มันเพื่อรักษาสิว ด้วยการใช้น้ำมะนาวสดแต้มลงบนรอยสิว

แถมมะนาวยังใช้ทำความสะอาดกีตาร์และเครื่องดนตรีที่เป็นสายอื่นๆ เว้นแต่ชนิดที่เป็นไม้เมเปิล โดยน้ำมะนาวจะกำจัดคราบสกปรกบนคอกีตาร์ และทำให้พื้นผิวของมันเงางามขึ้นด้วย

ปัญหา ส้นเท้าแตก



เท้าและส้นเท้าเป็นอวัยวะที่ถูกใช้งานทั้งวัน อีกทั้งผิวส่วนนี้ไม่ค่อยมีไขมันมาเคลือบ จึงมักแห้งแตกเป็นร่องได้ และอาจเจ็บจนเดินไม่ถนัด ถ้ามีบาดแผล เชื้อโรคก็เข้าสู่ร่างกายได้ ไม่อยากให้ปัญหานี้เกิดขึ้น คุณต้องดูแลให้ดีค่ะ

เท้าแตกเกิดจากการใส่รองเท้าเปิดส้นนานๆ ด้วย เช่น รองเท้าแตะคีบ รองเท้าฟองน้ำ รองเท้าสาน ดังนั้นหันมาใส่รองเท้าหุ้มส้น โดยเลือกรองเท้าที่บุพื้นภายในที่นุ่ม สวมใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าลำลองใส่ในบ้านบ้างค่ะ
แช่เท้าในน้ำสบู่ 10-15 ให้ผิวที่แห้ง แตก หยาบกร้านนิ่มลง แล้วใช้หินขัดถูส้นเท้าสัปดาห์ละครั้ง
หลังอาบน้ำใช้ครีมนวดทาส้นเท้าให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวจนผิวชุ่มชื้น
รักษาส้นเท้าแตก ด้วยสูตรธรรมชาติมากมายหลายสูตร เช่น...
ทาด้วยน้ำมะนาวผสมดินสอพองหรือ ยางมะละกอ หรือถูด้วยสารส้มกับน้ำชุบสำลี หรือทายางต้นรัก หรือถูด้วยเปลือกกล้วยหอมก็ได้
แช่เท้าในน้ำสบู่ แล้วใช้วาสลีน 1 ช้อนชาผสมน้ำมะนาว 1 ลูกถูส้นเท้า หรือบดสตรอเบอร์รี่ เติมน้ำมันมะกอกกับเกลือ นวดส้นเท้า หรือผ่าส้มเป็นแว่น 2 ผล น้ำมันพืช 1 ถ้วย เกลือทะเล 1 ถ้วย นำน้ำมันพืชผสมกับเกลือ จุ่มส้มลงไป แล้วนำมาขัดส้นเท้า
ต้มนมเติมน้ำมะนาวกับกลีเซอรีน พอเย็นใช้ทาส้นเท้าก่อนนอน ใส่ถุงเท้าฝ้ายทับเพื่อลดอาการแตก จะบดกล้วยหอมสุกหรือหัวหอมใหญ่ให้ละเอียดก็ได้ แล้วทาส้นเท้าแตก ใช้ผ้าพัน ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างน้ำออกค่ะ

เคล็ดลับ ทาลิปกลอส ให้สวย



ลิปกลอสกลับมาฮิตบนเวทีแฟชั่นในซีซั่นนี้อีกแล้ว แต่การทาลิปกลอสซึ่งดูเหมือนจะทาง่ายให้สวยนั้น จำเป็นต้องใช้กลเม็ดเล็กน้อย

ถ้าริมฝีปากของคุณแห้งแตก หรือตกสะเก็ด
จะทาลิปกลอสด้วยวิธีไหนก็คงไม่ทำให้ดูสวยขึ้นได้แน่ๆ ฉะนั้นก็ดูแลริมฝีปากให้อ่อนนุ่มและเรียบเนียน ด้วยการพกลิปบาล์มไว้ในกระเป๋าเ พื่อคอยเติมความชุ่มชื้นเป็นระยะๆ ถ้าคุณมีอาการริมฝีปากแห้งแตก หรือลอกเป็นขุย ก็ใช้ผ้าสำลีนุ่มๆ และเปียกหมาดๆ ถูเป็นแนววงกลมให้ทั่วริมฝีปาก แล้วทาลิปบาล์มหรือวาสลีนก่อนเข้านอน เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับริมฝีปากที่เนียนนุ่ม

เติมความคมชัดให้แก่รูปปากของคุณ
ด้วยการใช้ดินสอเขียนปากสีเนื้อวาดขอบปาก แล้วก็ใช้ดินสอแท่งเดียวกันแต่งเติมลงไปให้ทั่วริมฝีปาก วิธีนี้เป็นการรองพื้นสีปากให้ลิปกลอสมีที่ยึดเกาะได้ดีขึ้น ก่อนจะทาลิปกลอสสีโปรดของคุณทับลงไป โดยพยายามทาอย่าให้เลอะออกมานอกขอบปากที่คุณวาดไว้นั้น

3 วิธีขาเรียว แบบสาวญี่ปุ่น


1. ถนอมขาด้วยท่านั่ง

ไม่นั่งไขว่ห้าง คนที่นั่งไขว่ห้างเป็นประจำมักจะมีเส้นเลือดขอด เพราะการนั่งแบบนี้ทำให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนไม่สะดวก ยิ่งถ้านั่งตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น กระดูกขาอาจจะโก่ง ต่อให้ขาเรียวแค่ไหนก็หมดสวยอยู่ดี

อย่ายืนขาข้างเดียว น้ำหนักตัวคนเราไม่ใช่แค่สองสามกิโลเป็นภาระหนักมากสำหรับขา ที่จะต้องยืนแบกมันไว้ สิ่งที่ตามมาก็คือเส้นเลือดขอด ขาบวม และเส้นประสาทปลายเท้าที่อาจจะอักเสบ ถ้ายังไงควรจะรักขาอย่างยุติธรรม แบ่งงานให้เท่าทั้งสองข้าง เพื่อถนอมความสวยไว้ให้เรียวน่องของคุณไง

ยืดเส้นที่ขาทุกวัน เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อและสลายไขมันที่เกาะใต้ผิวหนัง จะได้ป้องกันเซลลูไลท์และอาการขาหมูไปในตัว

Tip : วิธียืดเส้นแบบง่ายๆ ให้นั่งกับพื้น ยืดหลังตรง กางขาทั้งสองข้างออกให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก้มตัวลง เหยียดแขนขวาไปแตะปลายเท้าขวา ค้างไว้ 10 วินาทีแล้วยืดตัวขึ้น จากนั้นหันไปแตะปลายเท้าซ้ายอีก10 วินาที ทำสลับไปมาหลายๆ ครั้ง

2. นวดต่อมน้ำเหลือง

ถ้าขาสวยอยู่แล้ว การนวดต่อมน้ำเหลืองจะช่วยป้องกันไม่ให้ขามีอาการบวมน้ำจนอวบเป็นหัวไชเท้า ขั้นตอนการนวดไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่นอนแช่น้ำอุ่นแล้วนวดเบาๆ ไล่จากข้อเท้าขึ้นมาหาต้นขา เพื่อให้ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี หลังจากขึ้นจากอ่างน้ำก็นวดซ้ำอีกรอบ วันรุ่งขึ้นขาอวบๆ จะเล็กลงอย่างน่าตกใจ คนที่มีไขมันสะสมที่ขามาก ถ้าใช้วิธีนี้ก็จะช่วยสลายไขมันอย่างได้ผลด้วย

Tip : ถ้าที่บ้านไม่มีอ่างขนาดใหญ่ให้ลงไปนอนแช่ จะใช้วิธีผสมน้ำอุ่นในกาละมังใบใหญ่ๆ แล้วนั่งตัวตรง แช่เท้าลงไปพร้อมกับนวดสักครั้งชั่วโมงแทนก็ได้

3. เดินเล่นเพื่อขาสวย

คนที่ยืนนานๆ หรือนั่งอยู่กับที่นานๆ มักจะมีเส้นเลือดขอด การเดินนี่ล่ะจะช่วยเรียกขาเรียบเนียนกลับมาหาคุณอีกครั้ง ยิ่งเดินนานเท่าไรไขมันสะสมก็จะยิ่งหมดไป ทำให้น่องกระชับ แต่ถ้าอยากสนุกมากกว่านั้น อาจจะเปลี่ยนจากเดินมาเต้นรำแทนก็ไม่เลว จะได้ทั้งขาสวยและความลั้นลาในเวลาเดียวกัน

ห่างไกล ผิวเเห้ง ด้วย นมสด


ส่วนประกอบ

1. นมสดกระป๋อง ตราหมี (ฉลากสีเหลือง) 1 กระป๋อง

2. สำลี


วิธีทำ

1. นำนมสดเทใส่เเก้ว แล้วใช้สำลีบริสุทธิ์จุ่มนม

2. มาทาให้ทั่วใบหน้าเเละลำคอ

3. ทิ้งไว้ 3 -5 นาที (ไม่ควรเกิน 5 นาที)

4. ล้างออกด้วยน้ำเย็น ใช้ผ้าซับให้เเห้ง

เกลือ เพื่อความงาม



กำจัดรังแคก่อนสระผม ความหยาบของเกลือได้ผลดีในการกำจัดรังแคก่อนการสระผม วิธีการก็คือโรยเกลือลงบนหนังศีรษะแห้งๆเล็กน้อย นวดหนังศีรษะให้ทั่ว หนังศีรษะแห้งจะหลุดออกมาและพร้อมที่จะสระผม


บำรุงผิว คุณรู้จักเกลือหอมที่ใช้ผสมน้ำอาบกันดี แต่ถ้าตัดเรื่องความหอมหรือฟองออกไป สิ่งสำคัญของมันคือ เกลือธรรมดาๆนี่เอง เพราะฉะนั้น แทนการใช้เกลือหอมราคาแพง ละลายเกลือหนึ่งถ้วยในอ่างอาบน้ำและแช่ตัวตามปกติ ผิวของคุณจะนุ่มขึ้นอย่างสังเกตได้


นวดตัวด้วยเกลือ ลองเคล็ดลับนี้เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วช่วยการไหลเวียนโลหิต จะเป็นตอนที่ยังอยู่ในอ่างอาบน้ำหรือพึ่งก้าวออกจากอ่าง ตอนที่ผิวยังชื้นๆนวดผิวคุณด้วยเกลือแห้งๆสักครู่

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

8 เครื่องสำอางค์ เติมความสดใส


ถ้าคุณอยากดูสวยสดใสไปตลอดวันทำงาน หรืออยากจะแปลงโฉมจากสาวทำงานไปเป็นสาวสวยในงานปาร์ตี้ยามค่ำคืน เวลาที่ไม่มีเวลากลับไปเติมสวยที่บ้าน นี่คืออาวุธลับที่คุณควรมีติดลิ้นชักโต๊ะทำงานเอาไว้

คอนซีลเลอร์ : เพื่อเอาไว้กลบรอยหมองคล้ำบริเวณใต้ตา รวมทั้งสิวและจุดด่างดำอื่นๆ

ลิปทิ้นท์ : เพื่อใช้เติมสีสันบนโหนกแก้มและริมฝีปากให้ดูเป็นสีชมพูระเรื่อแบบธรรมชาติๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแสงไฟในยามค่ำคืนทำให้คุณดูซีดเซียวลง

แปรงสีฟัน : รวมทั้งยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากขนาดพกพาด้วย (ไม่บอกก็คงรู้นะว่าใช้ทำอะไร)

สเปรย์น้ำแร่ : ไว้เติมความชุ่มชื้นและความกระปรี้กระเปร่าให้ผิว โดยไม่รบกวนเครื่องสำอางบนใบหน้า

ยาหยอดตา : โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีอาการตาแดงจากการจ้องคอมพิวเตอร์บ่อยๆ

ลิปบาล์ม : นี่เป็นสิ่งที่คุณควรพกติดตัวไว้เป็นประจำ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก

ครีมทามือ : ไว้ทาเติมความชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน (และควรทำให้เป็นนิสัยด้วย)

มอยสเจอไรเซอร์ : แบบซองหรือขนาดพกพา ไว้เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวในบริเวณที่แห้งกร้านจากเครื่องปรับอากาศ

สตรอว์เบอร์รี่ กินดีมีวิตามิน ใช้มาส์กหน้าก็ยิ่งสวย


สาวอายุ 25 อัพขึ้นไป อย่าเผลอไผลคิดว่ายังอ่อนเยาว์อยู่ เพราะเผลอแป๊บเดียว ริ้วรอยย่นยับ หมองคล้ำมาเยือนได้โดยง่าย ความสดใสค่อย ๆ หายไป มารู้ตัวอีกทีโอย ! ตายล่ะ ใบหน้ายู่ยี่ย่นยับ ซะขนาดนี้ ซึ่งมันก็เกิดจากความเครียด ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน และยังต้องมาตากลมกรำแดดซะอีกแน่ะ

นี่เลยคุณสูตรนี้ลองดู แม้จะแพงไปนิด แต่ก็ถูกกว่าครีมพอกหน้านำเข้าจากต่างประเทศ แถมยังมีวิตามินสุดยอดไปเลย "สตรอว์เบอร์รี่" นี่แหละเด็ดสุด ใช้บำรุงผิวหน้า ลดริ้วรอย จุดด่าง จุดดำ บนใบหน้า และทำให้ใบหน้านุ่ม นวลเนียน ของอย่างนี้ต้องใช้เวลาไม่ใช่ทำแค่ 2-3 ครั้งแล้วจะให้สวยเด้งขึ้นมาเลย มันก็เกินไปใจเย็น ทำเป็นประจำ สูตรนี้ทำได้บ่อย ไม่ต้องทุกวันสัปดาห์ละครั้งนานไป 3 วัน ทำซะครั้งหนึ่งกำลังดี วิธีทำง่ายมาก

ล้างผลสตรอว์เบอร์รี่ให้สะอาด สัก 8 ผล ใช้ส้อมยีให้เละ ๆ จากนั้น ล้างหน้าให้สะอาด เก็บผมให้เรียบร้อย ใช้หมวกคลุมผม หรือที่คาดผมก็ได้ นำสตรอว์เบอร์รี่ที่ยีแล้ว มาพอกหน้า นอนนิ่ง ทิ้งไว้ 20 นาที แค่นี้ก็สวยปิ้ง ๆ ได้แล้วล่ะ...

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

สูตรผิวเนียนนุ่ม เปล่งปลั่ง


ส่วนผสม
ขมิ้นผง
นมสด

วิธีทำ
ขมิ้นผง 4-5 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำนมสด 1 ถ้วยตวง คนผสมให้เข้ากันดี หลังอาบน้ำให้ใช้ส่วนผสมที่ได้ขัดนวดตัวประมาณ 5-10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง นำนมจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นเนียนนุ่ม ส่วนขมิ้นจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส

วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สาวๆ
women.mthai.com ก็ลองเอาสูตรนี้ไปลองใช้กันดูนะคะ เดี๋ยวนี้ขมิ้นผงก็หาได้ตามทั่วไปค่ะ หาไม่ยาก สูตรก็ง่ายแสนง่าย ทำบ่อยๆ รับรองผิวเนียนเด้งแน่นอนค่ะ คอนเฟิร์ม..........

เทคนิคเพิ่ม ความชุ่มชื้น ให้ดวงตา


กระพริบตาถี่ๆ ในภาวะปกติคนเราจะกระพริบตานาทีละ 20 - 22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดน้ำตาให้มาฉาบผิวกระจกตา แต่ถ้าในขณะที่จ้องหรือเพ่งตาค้างไว้นานกว่าปกติ เช่น เวลาที่เราอ่านหนังสือ ดูทีวีหรือจ้องคอมพิวเตอร์ จะทำให้เรากระพริบตาเพียง 8 - 10 ครั้ง น้ำตาก็จะระเหยออกไปมาก ทำให้ตาแห้งเพิ่มขึ้น จึงควรพักสายตาระยะสั้นๆ โดยการหลับตา หรือกระพริบตาอย่างช้าๆ หรือลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถประมาณ 2 - 3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง

ประคบดวงตาด้วยน้ำเย็น แช่ผ้าขนหนูผืนเล็ก 2 ผืนในน้ำเย็น หยิบขึ้นมา 1 ผืน บิดพอหมาดและพับทบเป็นผืนยาว วางปิดดวงตาไว้ทั้งสองข้างนานประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าผ้าจะหายเย็น แล้วจึงใช้ผ้าอีกผืนหนึ่งประคบ สลับกันไปมา จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาของคุณได้เช่นกัน

สูตรบำรุง เพื่อผมสวย


ผมมัน ให้นำว่านหางจระเข้มาฝานเปลือกออก แล้วนำเจลไปปั่นจากนั้นตักมา 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา และแชมพูที่ใช้อยู่อีก 1 ถ้วยตวงแล้วนำไปสระผมตามปกติ จะช่วยให้เส้นผมมีสมดุลดีขึ้น ไม่แห้งและไม่มันเช่นเดิม

ผมแห้ง นำอโวคาโด 1 ผลมาปอกเปลือกและบดให้ละเอียด ผสมกับกะทิจนเป็นเนื้อเดียวกันใช้หมักผมหลังจากสระผมเรียบร้อยแล้วโดยนวดให้ทั่วศีรษะ ใช้หวีซี่ห่างๆ แปรงผมให้เป็นระเบียบแล้วทิ้งไว้ 15 นาทีจึงล้างออก

ผมจัดทรงยาก ปั่นครีมนวดผม 1/2 ถ้วยตวงเข้ากับน้ำผึ้ง 1/2 ถ้วยตวงและน้ำมันอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มานวดเส้นผมและหนังศีรษะขณะเปียกให้ทั่ว ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก

ผมไร้น้ำหนัก ใช้น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง ผสมน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ล้างผมในน้ำสุดท้ายของการสระผมจะทำให้เส้นผมนุ่นเป็นประกายเงางาม

ผมมีรังแค หลังจากสระผมด้วยแชมพูขจัดรังแคตามปกติแล้ว ให้ใช้ชาโรสแมรี่ที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วมาล้างผมในน้ำสุดท้าย หรือใช้ชาโรสแมรี่ผสมกับแชมพูในอัตราส่วน 70 ต่อ 30 ก็ได้

สูตรพอกหน้าด้วยกล้วย สำหรับสาวผิวแห้ง


สำหรับสาวๆ women mthai ที่มีผิวแห้งเวลาล้างหน้าเสร็จจะรู้สึกว่าหน้าตึงมาก ผิวแห้งเป็นผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นอย่างมาก และมักจะมีปัญหาหน้าเป็นขุย ลองใช้สูตรนี้ดูซิจ๊ะ
ส่วนผสม
ไข่แดง
โยเกิร์ต
กล้วยสุก
วิธีทำ
นำไข่แดงผสมกับโยเกิร์ตอย่างละ 1 ช้อนชาผสมโดยปั่นให้เข้ากัน จากนั้นใส่กล้วยบดลงในส่วนผสม เสร็จแล้ว พอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที พอกหน้าโดยทาเบาๆเป็นวงกลมให้ทั่วหน้า พยายามทาไม่ให้โดนบริเวณรอบดวงตาเพราะเป็นส่วนที่บอบบาง จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อขยายรูขุมขน แล้วล้างด้วยน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อกระชับผิวหน้า

ถนอมผิวสวยด้วย น้ำผึ้ง


วันนี้จะบอกสรรพคุณของน้ำผึ้ง ให้สาวๆ women mthai ได้ทราบกัน น้ำผึ้งเป็นตัวช่วยสำหรับคุณสาวๆได้ดีทีเดียว ให้ทั้งความชุ่มชื้นและล้างสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้อีกด้วย

วิธีง่ายๆคือ นำน้ำผึ้งมาทาให้ทั่วหน้า หลังจากเราล้างหน้าสะอาดหมดจดแล้ว ถ้าจะให้ได้ผลดีต้องอบไอน้ำใบหน้าก่อนทาน้ำผึ้ง เพื่อเป็นการขยายรูขุมขนก่อนแล้วจึงทาน้ำผึ้งทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที แล้วจึงค่อยๆใช้นิ้วนวดบนใบหน้าให้ทั่ว เว้นบริเวณรอบดวงตาเอาไว้ สุดท้ายล้างด้วยน้ำอุ่นและนำผ้าขนหนูเปียกๆเช็ดใบหน้าให้สะอาดอีกที

น้ำผึ้ง จะช่วยทำความสะอาดรูขุมขนบนใบหน้าของคุณสาวๆ และยังช่วยกำจัดรอยสิวเสี้ยวได้อีกด้วย น้ำผึ้งช่วยให้คุณสาวๆมีใบหน้าที่สะอาดและอ่อนนุ่ม เท่านี้ใบหน้าสวยใสก็จะอยู่กับเราไปอีกนานแล้วล่ะค่ะ

พอกหน้าใส ด้วยไข่ขาว

สูตรพอกหน้าสำหรับ สาวผิวมัน


สาวผิวมันอย่างน้อยก็เป็นคนที่ผิวไม่เหี่ยวย่นเร็วเหมือนสาวผิวแห้ง แต่ปัญหาของคนผิวมันคือสิว และรุขุมขนกว้าง ด้วยผิวหน้าที่จะมีน้ำมันส่วนเกินทั่วใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณทีโซน คือบริเวณหน้าผาก จมูกและคาง สูตรนี้เพื่อการรักษาผิวหน้ามัน
ส่วนผสม
ไข่ขาว
นมสด
น้ำผึ้ง
มะนาว


วิธีทำ
1.นำไข่ขาวมาผสมกับนมสด อย่างละ 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน
2.หยดน้ำผึ้งและมะนาวใส่ผสมลงไป อย่างละ 2-3 หยด
3.ทาให้ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งและล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีลดความอ้วนโดยกินมื้อเช้า



อาหารเช้า เป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน นอกจากทำให้ร่างกายและสมองสดชื่น แจ่มใส ไม่ติดๆ ดับๆ ระหว่างวันแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว และช่วยลดความอ้วนด้วย เนื่องจากช่วงเช้าร่างกายดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ได้ดี และร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากอาหารเช้าจึงต้องเป็นอาหารที่อุดมด้วยคุณค่าต่างๆ ดังนี้

- ธัญพืชไม่ขัดขาว ได้แก่ ข้าวกล้อง ถั่วต่างๆ ลูกเดือย ซึ่งจะให้คาร์โบไฮเดรตทำให้การดูดซึมน้ำตาลเป็นไปอย่างช้าๆ

- โปรตีนชั้นดีและอาหารประเภทใขมันต่า เช่น เนื้อปลา เห็ด ถั่วต่างๆ เต้าหู้

- ผักและผลไม้รสไม่หวานจัด เช่น แอ๊ปเปิ้ลเขียว สัม แตงโม กล้วย หรือให้ละเอียด เมื่อ ร่างกายค่อยๆ ดูดซึมน้ำตาล ตับอ่อนจะทำงานน้อยลง ไม่ต้องหลั่งอินซูลินออกมาในปริมาณ มากๆ บ่อยๆ ทำให้ได้รับความสดชื่นตลอดทั้งวัน ไม่หิวบ่อย ไม่อยากอาหาร หรือดื่ม เครื่องดื่มรสหวาน หลังจากเปลี่ยนมารับประทานมื้อเช้าน่าจะพบกับความเปลี่ยนแปลงที่ดี เช่น ได้รับ แรงผลักดันที่ดี ช่วยให้เรากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพไปตลอดทั้งวันและทุกวัน นอกจากนี้มื้อเช้ายังช่วยต้านโรคและอาการต่างๆได้ด้วย

- ลดอัตราเสี่ยงต่ออาการของโรคหัวใจ การรับประทานอาหารมื้อเช้าช่วยลดอัตราเสี่ยง การก่อตัวของลิ่มเลือด ทั้งยังทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง จึงช่วยไม่ให้เกิดอาการหัวใจ วายและเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองแตกหรืออุดตัน

- ช่วย ลดความอ้วน มือเข้าช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอล มีงานวิจัย ชี้ให้เห็นว่า การกินมื้อเช้าในสัดส่วนที่มากขึ้นอาจช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก และสำหรับผู้ที่กิน อาหารเช้าเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณอาหารทั้งวัน มีแนวโน้มว่าจะมีสัดส่วนรูปร่างที่ ดีกว่าผู้ที่รับประทานหนักในมื้ออื่นๆ

- ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นนิ้วในถุงน้ำดี เนื่องจากการทิ้งช่วงเวลาระหว่างมื้ออาหารเกิน 14 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เป็นโอกาสให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันเป็นก้อนนิ่ว อาหารเช้าจึงเป็นตัวช่วยลดความยาวนาน ระหว่างมื้ออาหารเย็นของวันก่อน กับอาหารเช้า ของวันใหม่ไม่ให้นานเกินไป โดยอาหารเช้าจะเข้าไปกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมา ละลาย คอเลสเตอรอลที่อยู่ในถุงน้ำดีให้เจือจาง จนไม่ทันที่จะจับตัวกันเป็นก้อนนิ่ว

- ช่วยให้มีสมาธิ สามารถทำงานให้ประสบผลสาเร็จได้ดีขึ้น


อาหารมื้อเช้ามีประโยชน์ชนาดนี้ นอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้วยังช่วยใน เรื่องอื่นๆได้ด้วย มารับประทานอาหารเช้ากันนะ

กินเบต้าแคโรทีน มากไป เสี่ยงมะเร็ง



"เบต้าแคโรทีน" (Beta-carotene) เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ(โปรวิตามินเอ) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งนี้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(แอนตี้ออกซิเดนท์) ด้วย



จากการศึกษาเรื่องการใช้สารต้านอนุมูลอิสระ “เบต้าแคโรทีน” เพื่อป้องกันโรคมะเร็งปอด ซึ่งผลการศึกษาพบว่า การให้ตำรวจจราจรในหลายประเทศทานอาหารเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ แทนที่จะเป็น “การลด” โอกาศการเกิดมะเร็งปอด กลับกลายเป็น “การเพิ่ม” อัตราการเกิดมะเร็งปอดให้มากขึ้น!!!




สารเบต้าแคโรทีน คือ สารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant) ที่เมื่อร่างกายได้รับมากกว่าความต้องการ จะหันไปทำหน้าที่ในทางตรงกับข้าม โดยกลายตัวเป็น “Pro-Oxidant” ซึ่งเป็นสารที่ส่งเสริม “การเกิด” อนุมูลอิสระ ด้วยเหตุผลเชิงชีวะเคมี







การบริโภคเบต้าแคโรทีนในรูปแบบของอาหารเสริมที่มากเกินไป อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ขณะที่การรับประทานอาหาร เช่น มะละกอสุก ฟักทอง ตำลึง โอกาสที่ร่างกายจะได้รับสารนี้มากเกินไปจะเป็นไปได้ยาก เพราะเราจะอิ่มก่อนได้รับปริมาณมากเกินไป โดยมีกระเพาะเป็นผู้กำหนด

ออกกำลังกายทุกๆวันแล้วสุขภาพก็จะแข็งแรง

>

You Belong With Me