
ผลแปะก๊วย ทำเป็นของหวานแล้ว ก็ยังนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารจีนหลากหลายชนิด (เช่น ขนมบะจ่าง) ความมหัศจรรย์ของพืชชนิดนี้นั้น ชาวจีนเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เนื่องจากสามารถบำบัดโรคต่างๆได้ มีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ทำให้มีสมาธิและความจำที่ดี แถมยังช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก
แปะก๊วย (Ginkgo Biloba) ที่เราพบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะอบแห้ง มีเปลือกหุ้ม ก่อนจะนำมาประกอบอาหารจะต้องแกะเปลือกออกก่อน เนื้อในแปะก๊วยจะเป็นสีเหลืองจะมีเยื้อเปลือกห่อหุ้มอีกทีเป็นสีส้มน้ำตาล แม้ความจริงแล้ว แหล่งใหญ่ของสารที่มีคุณต่อสุขภาพนั้น กลับพบมากในส่วนของใบมากกว่าผลเสียอีก
ใบแปะก๊วย มีลักษณะแยกเป็น 2 กลีบ คล้ายกังหันลม เมื่อนำมาสกัดด้วยตัวทำละลาย จะพบว่ามีสารสกัดสำคัญ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มฟลาโวน (Flavonoids) มีฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในร่างกายที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนที่เหลืออีกสองกลุ่มเป็นน้ำมันจากใบแปะก๊วย คือ Bilobalides และ Ginkgolides สารทั้งสองตัวนี้มีบทบาทช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (โรคสมองฝ่อ) โดยเป็นตัวเสริมสร้างการส่งสัญญาณในระบบสมอง ช่วยระบบหมุนเวียนเลือดให้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดแผลเรื้องรังโดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่เป็นโรคเบาหวาน และช่วยบรรเทาอาการชาตามปลายนิ้วมือและเท้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในบริเวณตา ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตาได้ ในปัจจุบัน เราจึงพบเห็นใบแปะก๊วยนำมาสกัดเป็นอาหารเสริม วางขายตามท้องตลาดเป็นจำนวนมาก
แปะก๊วย ดูจะเป็นพืชสมุนไพรมหัศจรรย์จริงๆ เอาเป็นว่าได้กินแปะก๊วยนั้นมีประโยชน์นักแล แถมยังอร่อยรสเลิศอีกต่างหาก หน้าร้อนนี้ ถ้าได้แปะก๊วยเย็นๆ (หรือร้อน แล้วแต่ความชอบ) เหนียวนุ่ม หวาน และไม่ขมสักถ้วย คงรู้สึกผ่อนคลายน่าดู แต่ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นที่ไหน ลองเดินเลาะเลียดไปตามถนนเยาวราช รับรองต้องมีสักร้านที่คุณต้องติดใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น