photo bombam

นักร้องแห่งเกาหลี

10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยที่สุดในประเทศไทย

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

17 วิธีรักษาสุขภาพ แบบฮอต ฮอต


อุณหภูมิ และสภาพอากาศในช่วงฤดูร้อนส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าที่เราเคยคาดคิด และนี่คือความจริงรวมทั้งวิธีรักษาสุขภาพ 17 ข้อที่เรา อยากให้คุณอ่าน เพราะมันมีประโยชน์มากกว่าที่คิด อัพเดทสุขภาพกับ 17 ความรู้ HOT HOT …..
1. ป้องกันอาการขาดน้ำด้วยการดื่มน้ำเปล่าที่สุกแล้ว หรือแบบปรุงแต่งด้วยน้ำตาล เกลือแร่ สมุนไพรเยอะๆ เพราะหน้าร้อน ร่างกายภายในจะมีอุณหภูมิสูง และขับเหงื่อออกมามาก จนอาจทำให้คุณช็อกหมดสติ
2. หลีกเลี่ยงน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพราะอาจทำให้อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงเร็วจนไม่สบาย
3. ไม่ควรนอนให้ลมหรือความเย็นโกรก ความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลัง เมื่อนอนหลับตากลมในขณะเหงื่อออก จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง ถ้าอุณหภูมิภายนอกยังสูงอยู่ แล้วเหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างใน ทำให้เวียนหัว รู้สึกหนักหัว ไม่สดชื่นแจ่มใส อาจทำให้เป็นหวัดได้
4. อย่างดอาหารเช้า เพราะร่างกายต้องการอาหารเพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญ ซึ่งจะช่วยควบคุมน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง ของทอด ของมัน
5. หญิงตั้งครรภ์ ต้องสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด เพื่อป้องกันการกระทบกับความเย็น อาหารที่กินต้องสะอาด ไม่ควรนอนบนเสื่อที่เย็น และห่มผ้าคลุมกายเสมอ ระวังอย่าให้เป็นหวัด ห้ามอาบน้ำร้อนจัดหรือเย็นจัดจนเกินไป
6. คนสูงอายุมักมีระบบย่อยที่ไม่ดี และคนที่มีม้ามบกพร่อง ถ้าดื่มน้ำเย็นมากเกินไปจะเกิดความชื้นสะสมในร่างกาย ทำให้ท้องเสีย ติดเชื้อราง่าย ขี้หนาว ปวดหัว ตัวร้อน
7. เลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Mexoryl และ Tinosorb เพราะสามารถกรองรังสียูวีเอ และยูวีบี ได้ดี เช่น Vichy, Nivea และ Ambre Solaire จาก Garnier
8. หากผิวแสบร้อนจากการโดนแดด บรรเทาได้ด้วยการกินยาแอสไพริน แล้วแช่ตัวในอ่างน้ำอุณหภูมิห้อง ผสม Bath Oil จากนั้นบำรุงผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ และหลีกเลี่ยงแดดในวันถัดไป
9. ทำสเปรย์บรรเทาผิวไหม้เกรียมอย่างง่ายๆ ด้วย น้ำกรองบริสุทธิ์ 2 ออนซ์ ใส่เอสเซนเชียลออยล์กลิ่นลาเวนเดอร์ 9 หยด กลิ่นเปปเปอร์มินต์ 2 หยด และสเปียร์มินต์ 1 หยด ผสมรวมกันแล้วใส่ในขวดสเปรย์ พกติดตัวและฉีดพรมเมื่อมีอาการ
10. เลือกเครื่องสำอางแบบครีม ที่มีเนื้อแห้งเหมือนแป้ง หากหน้ามันปัดทับด้วยบรอนเซอร์ หรือแป้งฝุ่น
11. ควรเลือกใส่เสื้อผ้าเนื้อเบาสบาย ระบายอากาศได้ดีอย่างผ้าฝ้ายธรรมชาติที่หลวมกระชับตัว
12. หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้น้ำตาลสูง อย่างอาหารจำพวก แป้ง คาร์โบไฮเดรต และผลไม้รสหวานจัด เพื่อควบคุม ระดับพลังงานที่มากเกินไปจนส่งผลต่ออุณหภูมิสูงจากภายในของร่างกาย
13. ป้องกันแมลงกัดต่อยซึ่งมีชุกชุมในฤดูร้อน ด้วยการเลือกทาผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากพืชสมุนไพรธรรมชาติ
14. เลือกแว่นกันแดดขนาดใหญ่ที่ให้การปกปิดมิดชิด กระชับใบหน้า เพื่อป้องกันรังสียูวีบีจากการเกิดต้อกระจกในดวงตา และผิวไหม้เกรียม ริ้วรอยรอบดวงตา
15. อย่าเข้าใจผิดว่ายิ่งเข้มยิ่งดี สีของเลนส์ในแว่นกันแดดไม่ได้ช่วยในการปกป้องรังสี เพราะประสิทธิภาพสำคัญเกิดจากสารเคมีที่เคลือบ เพื่อสะท้อนรังสี
16. คอนแทคเลนส์ไม่ช่วยอะไร โดยเฉพาะรุ่นที่เคลมว่าสามารถดูดซับรังสีได้ เพราะอย่างไรก็ด้อยประสิทธิภาพกว่าแว่นกันแดด ดังนั้นจึงไม่อาจใช้แทนกันได้
17. ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่น่าเลือกมากที่สุดในปัจจุบัน ควรมีคุณสมบัติบางเบา ซึมซาบไว ติดทนนาน และมีส่วนผสมของสารประกอบจากไทเทเนียม หรือซิงค์ออกไซด์

** 40วิธีสร้างความสุขให้เกิดมีในตัวคุณ**


1.สร้างความสุขด้วยการใช้เวลา 10 - 30 นาทีในการเดินทุกๆวัน และขณะที่เดินก็ยิ้มหรือทักทายคนรอบข้างบ้าง
2.สร้างความสุขด้วยการนั่งในที่เงียบๆสักวันละ 10 นาที
3.สร้างความสุขด้วยการนอนอย่างเพียงพอ 8 ชั่วโมงต่อวัน
4.สร้างความสุขด้วยการอยู่กับ 3 E นั่นคือ Energy ใช้พลังงาน , Enthusiasm กระตือรือร้นกับสิ่งใหม่ๆ และ Empathy ใส่ใจสิ่งรอบตัว
5.สร้างความสุขด้วยการเล่นเกมส์
6.สร้างความสุขด้วยการอ่านหนังสือที่คุณชอบให้มากขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา
7.สร้างความสุขด้วยการฝึกสมาธิ เล่นโยคะ และสวดมนต์บ่อยๆ
8.สร้างความสุขด้วยการใช้เวลาอยู่กับคนแก่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป คุณจะได้ประสบการณ์จากท่านเยอะแยะเลยทีเดียว
9.สร้างความสุขด้วยการฝันนั่นฝันนี่ฝันดีๆแบบเด็กๆขณะที่ตื่นบ้างก็ดีนะ
10.สร้างความสุขด้วยการทานอาหารประเภทพืชผักสดๆให้มากกว่านม เนย เนื้อ และแป้ง
11.สร้างความสุขด้วยการดื่มน้ำเปล่ามากๆ
12.สร้างความสุขด้วยการพยายามทำให้คนมากกว่า 3 คนหัวเราะให้ได้
13.สร้างความสุขด้วยการจงสงวนพลังงานที่จำเป็นเอาไว้ทำเรื่องอื่น ๆ ดีกว่านำไปใช้ในการพูดถึงเรื่องของผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง
14.สร้างความสุขด้วยการลืมอดีตของเพื่อนๆ ที่เคยผิดพลาด แล้วมองแต่สิ่งดีๆที่มีให้กัน
15.สร้างความสุขด้วยการอย่าหมกหมุ่นกับเรื่องในแง่ร้ายที่คุณควบคุมไม่ได้ ทุ่มเทจิตใจกับเรื่องในปัจจุบันที่เป็นแง่บวกดีกว่า
16.สร้างความสุขด้วยการตระหนักอยู่เสมอว่าคุณอยู่ในโรงเรียนที่คุณสามารถจะอยู่ที่นี่ไปนานเท่าที่ต้องการและพร้อมจะเรียนรู้อยู่เสมอตลอดชีวิต
17.สร้างความสุขด้วยการทานอาหารเช้าอย่างพระราชา ทารอาหารกลางวันอย่างเจ้าชายหรือเจ้าหญิง และทานอาหารเย็นอย่างคนจนเสมอ
18.สร้างความสุขด้วยการยิ้มและหัวเราะมากๆและในทุกๆวัน
19.สร้างความสุขด้วยการชีวิตนี้แสนสั้นนัก หากว่าคุณเกลียดใครก็กำจัดความเกลียดเหล่านั้นออกไปซะ
20.สร้างความสุขด้วยการอย่าทำชีวิตให้จริงจังเกินไป
21.สร้างความสุขด้วยการอย่าโต้เถียงกับใครเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ แค่บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็น่าจะเพียงพอแล้ว
22.สร้างความสุขด้วยการทำอดีตให้เป็นเรื่องที่ผ่านมาได้ด้วยดี เพื่อไม่ให้มีผลต่อปัจจุบัน
23.สร้างความสุขด้วยการอย่าเปรียบเทียบตัวเองและคนอื่นกับใคร เพราะทุกคนต่างมีชีวิตและความมุ่งหมายเป็นของตนเอง
24.สร้างความสุขให้ตนเองเพราะไม่มีใครให้ความสุขกับคุณได้เท่าตัวคุณเอง
25.สร้างความสุขด้วยการให้อภัยต่อทุกคนสำหรับทุกสิ่งเสมอ
26.สร้างความสุขด้วยการคิดเสมอว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับคุณก็ไม่สำคัญ อย่าได้ใส่ใจ
27.สร้างความสุขด้วยเวลาที่เป็นยารักษาหลายๆ อย่างได้ดีทีเดียว
28.สร้างความสุขในสถานการณ์ทั้งดีและร้าย สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา
29.สร้างความสุขด้วยการรู้ตัวว่าในขณะที่งานทั้งหลายไม่ได้ช่วยรักษาอาการป่วยของคุณ แต่เพื่อนคุณซิเป็นคนให้สัมผัสที่ดีเพื่อเยียวยาคุณ
30.สร้างความสุขด้วยการกำจัดสิ่งที่ไร้ประโยชน์ สิ่งที่ไม่สวยไม่งาม หรือสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์สำหรับคุณ ออกไปจากชีวิตซะ
31.สร้างความสุขด้วยการเชื่อว่าความอิจฉา ริษยาเป็นความสูญเปล่าของจิตใจ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ
32.สร้างความสุขด้วยการมองว่าสิ่งดีๆได้มาแล้ว
33.สร้างความสุขโดยเชื่อมั่นว่าไม่ว่าคุณรู้สึกอย่างไร คุณสามารถจะลุกขึ้น แต่งตัว และออกไปสวยหล่อต่อใครๆได้เสมอ
34.สร้างความสุขด้วยการสนุกกับชีวิตทุกขณะ และพยายามลองสิ่งใหม่ๆ
35.สร้างความสุขด้วยการโทรศัพท์หาครอบครัวของคุณบ่อยเท่าที่ทำได้ และเล่าเรื่องต่างๆให้เขาฟัง
36.สร้างความสุขด้วยความคิดที่ว่าหากว่าคุณรู้สึกมีความสุขเสมอ คุณก็จะเป็นคนที่มีความสุขเสมอ
37.สร้างความสุขด้วยการมอบให้สิ่งดีๆแก่คนรอบข้างทุกวันกันเถอะ
38.สร้างความสุขด้วยการอย่าทำอะไรที่เกินความสามารถ กำหนดขอบเขตไว้บ้าง
39.สร้างความสุขเมื่อคุณมีโอกาสตื่นมาตอนเช้าในทุกๆวัน ขอบคุณสิ่งที่คุณเคารพนับถือที่ได้มอบชีวิตให้คุณ
40.สร้างความสุขด้วยการรักใครซักคน และจงเลือกรักตัวคุณเองให้มาก เพราะคุณเป็นคนสำคัญ และพิเศษที่สุดไม่มีใครเสมอได้ ในแบบที่คุณเป็นอยู่

อาหารง่ายๆ ราคาไม่แพง กินแล้วไม่อ้วน

1.ไข่ไก่

หากคุณกำลังมองหามื้อเช้า กลางวัน และเย็นที่ง่าย ราคาไม่แพงและไม่อ้วน ไข่ไก่นี่ล่ะค่ะอาหารที่ทำให้คุณไม่อ้วนแน่นอน ไข่ไก่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่ช่วยบำรุงสายตายามเมื่อคุณอายุมากขึ้น และยังมีสารอาหารอีกมากมายที่ทำให้คุณสวย มีสุขภาพและไม่อ้วน


2.มันฝรั่ง

มันฝรั่งอาจจะดูสกปรกยามที่มันเพิ่งถูกขุดขึ้นมาหรือวางขายตามห้าง แต่ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเวลาเราได้ลิ้มชิมรสมันฝรั่งมันสุดยอดขนาดไหน คุณประโยชน์โดยเฉพาะเรื่องการให้พลังงานได้โดยไม่อ้วนด้วยกรรมวิธีดีๆมีหลากหลาย ชาวตะวันตกถึงช๊อบชอบมันฝรั่งมั่กๆงัยล่ะค่ะ แปรรูปง่าย ราคาก็ไม่แพงเกินไป




3.กล้วย

กล้วยอาหารที่น่าโปรดปรานของสาวๆ กล้วยอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและไฟเบอร์ ยิ่งรับประทานกล้วยกับซีเรียลในมื้อเช้ารับรองว่าไม่อ้วน อิ่มท้องและมีความสุขแน่ๆ ทานทุกวันอร่อยดีมีคุณค่านะคะ



4. แตงกวา

ถ้าให้นึกถึงอะไรที่ไม่อ้วน ก็ขอยกให้แตงกวาเป็นราชินีแล้วกันค่ะ การรับประทานแตงกวาสดๆเย็นๆ มันช่างสดชื่นสุดๆ แตงกวามีประโยชน์ในเรื่องการทำงานของตับ อีกทั้งเรื่องการขับถ่ายปัสสาวะอย่างมีประสิทธิภาพ มีวิตามิน A และโพแทสเซียม หรือแม้แต่แคลเซียม หันมาทานแตงกวาที่หาซื้อง่ายๆและไม่อ้วนกันดีกว่า

5. ทับทิม

ทับทิมไม่ใช่แค่ถูกประยุกต์เป็นขนมหวานแบบไทยๆ หรือน้ำผลไม้ราคาแพงๆ เพราะทัมทิมสีสวยๆเหล่านี้มีสารแอนติออกซิแดนซ์มากกว่าไวน์แดงหรือชาเขียวซะอีก แถมรสชาติดีกว่าเห็นๆ ทับทิมทำให้คุณไม่อ้วนเพราะช่วยลดคอเลสเตอรอลที่มีผลต่อระบบการทำงานของหัวใจ นักวิทยาศาสตร์ยังได้แสดงความมหัศจรรย์ของทับทิมว่าช่วยป้องกันมะเร็งและเยียวยารักษาอาการอักเสบติดเชื้อบริเวณข้อต่อต่างๆได้ เห็นมั๊ยว่านอกจากไม่อ้วนแล้วทับทิมให้ประโยชน์ขนาดไหน

6. น้ำผึ้งเพิ่มรูปภาพ

ถ้าคุณชอบอะไรหวานๆ แต่ไม่อ้วน ก็อย่าลืมใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลนะคะ ความดีของน้ำผึ้งก็คือ สารแอนติออกซิแดนซ์ และความสามารถในระบบย่อยอาหาร ที่เริ่ดสุดๆก็คือการบำรุงผิว ช่วยกำจัดสิวและความมัน อาการเจ็บคอ ไอ หรือโรคนอนไม่หลับ แต่ที่เก๋ที่สุดก็คือคุณประโยชน์เหล่านี้มากับความหวานอร่อยของมันนี่ล่ะค่ะ

7. ข้าวโพด

ผักที่มีคุณค่าสูงและไม่อ้วนอีกชนิดก็คือข้าวโพด เจ้าข้าวโพดฝักเล็กๆมีแคลอรี่ต่ำแต่มีแคลเซียม วิตามินซี แบต้าแครอทีนสูง กระตุ้นการทำงานของกระเพาะและลำไส้ให้เป็นไปอย่างปกติ ข้าวโพดสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง ทั้งอาหารคาวและหวาน ลองทานสักหน่อยมั๊ยคะวันนี้

การดูแลผิวหน้าตามสภาพผิวของคุณ


1…ผิวธรรมดา…

ผิวธรรมดา เป็นลักษณะผิวหน้าที่ไม่แสดงร่องรอยของความมัน แต่ก็จะดูชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา ยืดหยุ่น อ่อนนุ่ม และมีปัญหาน้อยมาก สำหรับคนผิวธรรมดาหลังการทำความสะอาดผิวหน้าจะรู้สึกสะอาดและเนียนนุ่ม ดูมีสุขภาพ ไม่แก่ก่อนวัยง่ายด้วยนะคะ
การดูแลผิวธรรมดา : + ทำความสะอาดผิวหน้าวันละสองครั้งด้วยโทนเนอร์ โฟมล้างหน้า หรือสบู่อ่อนๆ
+ บางครั้งในฤดูต่างๆผิวคุณอาจจะแห้งหรือมันต่างกัน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่บำรุงผิวตามสภาพผิวด้วย
+ ใช้เบสหรือรองพื้นที่มีมอยเจอไรเซอร์ก่อนแต่งหน้าเพื่อเก็บกักความชุ่มชื่นไว้ให้ผิวคุณ
+ ครีมกันแดดสำคัญมาก อย่าลืมทาทุกครั้งก่อนลงรองพื้นหรือทาแป้งก่อนออกจากบ้านไปข้างนอก
+ ควรมาส์กบำรุงผิวเพื่อให้ผิวหน้าของคุณได้ผ่อนคลาย ขจัดเซลส์ผิวเก่า และเติมความ

2…ผิวแห้ง… ผิวแห้ง ลักษณะผิวหน้าของคุณจะแห้งกรานและรู้สึกตึงหลังการล้างหน้า ปัญหาของคนผิวแห้งก็คือผิวซีด เกิดริ้วรอย และมีรูขุมขนค่อนข้างชัดเจน
การดูแลผิวแห้ง : + ควรทาครีมบำรุงผิวหน้าที่ให้ความชุ่มชื่น หรือมาส์กธรรมชาติที่มีมอยซ์เจอไรเซอร์
+ ทานผัก ผลไม้ ธัญพืช เมล็ดพืช และถั่วมากๆ
+ ทานอาหารจำพวกกระเทียม หัวหอม ไข่ไก่ และหน่อไม้ฝรั่งที่มีสารซัลเฟอร์ เพื่อให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส
+ ทานผักสีเหลืองและสีส้มที่มีเบต้าแครอทีน สารแอนติออกซิแดนท์ เช่น แครอท แคนตาลูป + ดื่มน้ำมากๆ เพราะน้ำจำเป็นมากๆสำหรับสาวผิวแห้ง
+ หลีกเลี่ยงอาหารทอด เนื้อสัตว์ ผักที่ผ่านกระบวนการผัด ทอด
+ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง อาหารที่มีน้ำตาล ช็อคโกแลต มันฝรั่งทอด หรืออาหารขยะต่างๆ
+ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอร์และคาเฟอีน เพราะเป็นสาเหตุสำคัญในการทำลายแร่ธาตุในผิวหนังของเรา

3…ผิวมัน…
ผิวมัน โดยปกติแล้วคุณจะมีผิวหน้าช่วงแก้ม คาง จมูก และหน้าผาก ปัญหาของคนผิวมันคือ ความมันเยิ้มตลอดเวลา ความเหนียวเนอะหนะ ความหยาบของผิว รูขุมขนกว้าง และมีแนวโน้มว่าจะเป็นสิวง่าย แต่ข้อดีก็คือไม่ต้องกังวลเรื่องอายุ หรือริ้วรอยบนใบหน้ามากนัก
การดูแลผิวมัน : + หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตมากๆ
+ หลีกเลี่ยงครีมที่อุดมด้วยมอยเจอไรเซอร์
+ ควรทานอาหารที่มีโปรตีน แต่ควรจำกัดเรื่องน้ำตาลและเกลือซักหน่อยนะคะ
+ ควรทานผักใบเขียวและผลไม้สด
+ ดื่มน้ำมากๆ เพราะน้ำไม่ได้ทำให้คุณหน้ามันขึ้นแน่ๆค่ะ
+ หลีกเลี่ยงอาหารทอด เนื้อสัตว์ ผักที่ผ่านกระบวนการผัด ทอด ด้วยความร้อน น้ำมันเยอะๆเยิ้มๆ
+ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง อาหารที่มีน้ำตาล ช็อคโกแลต มันฝรั่งทอด หรืออาหารขยะต่างๆ
+ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอร์และคาเฟอีน

4…ผิวผสม…
ผิวผสม มีผิวหน้ามันช่วงบริเวณ T-Zone คือ หน้าผาก จมูก และอาจรวมถึงคาง ส่วนบริเวณอื่นจะค่อนข้างแห้ง การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะค่อนข้างมีปัญหา ดังนั้นสัดส่วนง่ายๆก็คือ ใช้ครีมที่มีมอยซ์เจอไรเซอร์ให้ความชุ่มชื่นบริเวณผิวแห้ง และขณะเดียวกันกับบริเวณผิวมันให้ทำความสะอาดบ่อยๆด้วยโทนเนอร์หรือคลีนซิ่ง หรือในขณะล้างหน้าเน้นบริเวณผิวหน้ามันเป็นพิเศษค่ะ
การดูแลผิวผสม :
+ สิ่งแรกคือการทำความสะอาดผิวหน้าซึ่งควรทำวันละประมาณ 1-2ครั้ง + ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นไปทางผิวแห้งหรือผิวมันเป็นพิเศษ
+ ควรมีการสครับผิวหน้าและผิวกายอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
+ ดื่มน้ำมากๆ เพราะน้ำช่วยบำรุงผิว ปรับสมดุลให้ร่างกายของคุณได้
+ เลือกมาส์กผิวหน้าด้วยผลไม้ เช่น มะละกอ แตงกวา โคลน เพราะมาส์กธรรมชาติเหล่านี้เหมาะกับผิวผสมที่สุด + หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอร์และคาเฟอีน

5…ผิวแพ้ง่าย…
ผิวแพ้ง่าย เป็นผิวหน้าที่ค่อนข้างแห้งมาก และมีแนวโน็มที่จะรู้สึกตึงตลอดเวลา เป็นผิวที่ค่อนข้างมีปัญหามากทีเดียว แนะนำว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยได้รับการรับรองทางการแพทย์จะดีที่สุดค่ะ
การดูแลผิวแพ้ง่าย : + ผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม แอลกอฮอร์
+ ควรใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าที่อ่อนโยน นุ่มนวลกับผิวหน้า
+ ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่มีมอยซ์เจอไรเซอร์ก่อนเข้านอน
+ ดื่มน้ำมากๆ เพราะน้ำคือตัวช่วยปรับสมดุลและหล่อเลี้ยงผิวของคุณ
+ ใช้ครีมกันแดดทุกครั้งก่อนลงรองพื้นหรือทาแป้งก่อนออกจากบ้านไปข้างนอกค่ะ
+ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอร์และคาเฟอีน

กินอย่างไรให้ผิวสุขภาพดี


พ.ญ.กานต์ ชนก พานิช กรรมการผู้จัดการ กานต์ชนกคลินิก ให้ความรู้ถึงการรักษาผิวสวยของสาวๆ ทุกวัย ที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร โดยเน้นสารกลูต้าไธโอนเป็นพิเศษ เพราะสารตัวนี้เป็นโฮโมนชนิดหนึ่งที่ตับเป็นผู้สร้าง มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนต์) เซลล์ไม่ถูกทำลาย กลายเป็นเซลล์ที่แข็งแรง ส่งผลให้เซลล์ใต้ผิวหนังแข็งแรงตามไปด้วย ทำให้เม็ดสีลดลง ผิวจึงขาวขึ้น
แหล่งกลูต้าไธโอนมีอยู่ในสารสกัดจากธรรมชาติมากมาย ที่เด่นๆ คือ เปลือกสนฝรั่งเศส หากเป็นเปลือกสนสีส้มอ่อนจะมีคุณสมบัติในการแอนตี้ออกซิแดนต์ทำให้ขาวได้ เนื่องจากพืช ตระกูลเปลือกสนมีคุณสมบัติช่วยเปิดเส้นเลือดหัวใจ ช่วยทำลายพลักหรือคราบไขมันที่เกาะในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดไม่ยืดหยุ่น เกิดภาวะการอุดตัน เส้นเลือดตีบลง ทำให้ส่งผ่านเลือดไปสู่หัวใจได้น้อยลง
กลูต้าไธโอนในธรรมชาติมีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ในข้าวซ้อมมือของไทยเรานี่เอง กินข้าวซ้อมมือวันละ 3 มื้อ เราจะได้กลูต้าไธโอนธรรมชาติ ที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที นอกจากนี้ยังพบในผัก ผลไม้ อาทิ แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น ผลอะโวคาโด สำหรับเนื้อสัตว์พบในปลา และเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ฯลฯ
“You are what you eat” หรือ กินเช่นไรได้เช่นนั้น ยังคงเป็นประโยคที่หลายๆ คนเห็นด้วย หากรวมอาหารนี้ไว้ในมื้ออาหารที่เรารับประทาน ก็จะได้ผิวพรรณที่สวยสมบูรณ์แบบ
1. ส้ม อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนวัp
2. มะนาว อุดมด้วยวิตามินซี ที่มีประโยชน์ ต่อผิว และยังช่วยทำความสะอาดตับซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย
3. แครอต ให้คุณค่าเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อาหารที่จำเป็นสำหรับผิว
4. กีวี ประกอบด้วยวิตามินซีที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน
5. อะโวคาโด อุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิว การกินอะโวคาโดวันละผล ให้วิตามินอีเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันได้
6. โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ
7. เมล็ดถั่วต่างๆ อุดมด้วยโปรตีน สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผิวสวย
8. งา อุดมด้วยวิตามินบี สังกะสี และโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสอ่อนวัยอยู่เสมอ
9. ผักโขม อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอมชมพูดูมีสุขภาพดี และ
10.ปลาอุดมไขมัน เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันปลาช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น

การได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณของเราอย่างครบถ้วนสม่ำเสมอ เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก การที่เราจะมีผิวพรรณที่ขาวใสได้นั้นต้องเริ่มมาจากสุขภาพดีก่อน นั่นหมายถึงอวัยวะภายในต้องดี ผิวเนื้อ ผิวกาย ผิวเซลล์ต้องแข็งแรง เพราะถ้าเซลล์แข็งแรง เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น เลือดไหลเวียนดีแล้วส่งออกซิเจนไปถึงผิว จะทำให้เรามีผิวพรรณที่ขาวสดใส หรือเรียกว่าสุขภาพผิวดีนั่นเอง
ความ งามจากภายในสู่ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญที่ให้เรามีความสวยอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งการออกกำลังกาย การพักผ่อนที่เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อผิวสวยและสุขภาพที่ดีจะได้อยู่คู่กับตัวเราไปนานๆ

วิธีดูแลเส้นผม


ผม” หมาย ถึงเส้นผมที่อยู่บนหนังศีรษะมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสีย ความร้อน และผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญต่อบุคลิกลักษณะของร่างกาย ซึ่งมีผลต่อจิตใจของคน ใครที่พบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ผมหงอก อาจก่อให้เกิดปัญหาทางใจ เช่น ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดกับใครก็คงไม่รู้
สาเหตุของปัญหาผม
ผลิตภัณฑ์ดูแลผมภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณอาจไม่รู้
แชมพู
ปัจจัย หนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผม คือสิ่งใกล้ตัวท่านแต่ถูกมองข้าม นั่นคือ แชมพูที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ แม้บางท่านจะบอกว่าท่านเปลี่ยนยี่ห้อไปอยู่เรื่อยๆ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสารทำความสะอาดที่ถูกผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ (แม้ในแชมพูที่ผสมสมุนไพรและอ้างว่าจากธรรมชาติ) ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรงและมีความเป็นด่างสูง เช่น โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium lauryl sulfate; SLS) ซึ่ง ให้ฟองได้มาก ราคาถูก จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งหลาย เช่นผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดพื้น สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตกค้างสะสมและทำลายเซลผม (รวมถึงรากผม เซลสร้างเม็ดสี และเส้นผม) และเซลผิวหนัง เมื่อใช้บ่อยๆจะยิ่ง กระด้าง แห้ง แข็งเป็นไม้กวาด เริ่มหวีไม่อยู่ทรง และ ทำให้หนังศีรษะมัน มากขึ้นเนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารชะล้างอย่างรุนแรงและจะชะล้างไขมันตาม ธรรมชาติ(ที่ช่วยเคลือบให้ผมมันเงา) จึงทำให้ร่างกายต้องขับไขมันออกมาชดเชยมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของคนที่หนังศีรษะมันยิ่งสระผมหนังศีรษะก็ยิ่งมัน บางรายเกิดการระคายเคืองเซลผิวชั้นหนังกำพร้าทำให้เกิดเป็น รังแค แต่ ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ซื้อแชมพูขจัดรังแคมาใช้ ซึ่งแชมพูประเภทนี้นอกจากจะมีสาร SLS แล้ว ยังผสมสารยับยั้งการเจริญเติบโตที่มากผิดปกติของเซลชั้นหนังกำพร้า แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เมื่อหยุดใช้อาการที่เป็นก็กลับมาเป็นอีก ทำให้เซลผิวต้องสัมผัสกับสารเคมี และถูกกดการทำงานอยู่ตลอด ทำให้เป็น รังแคเรื้อรัง
ครีมนวดผม/ทรีทเม้นท์หมักผม
สำหรับผู้ที่ชอบให้ผมนิ่มลื่น อาจยังไม่รู้ถึงพิษภัยจากสารกลุ่มซิลิโคน (มักมีชื่อลงท้ายด้วย “thicone”) เช่น ไซเมทธิโคน (Simethicone) ไดเอทธิโคน (Diethicone) หรือ อื่นๆ เป็นสารเคลือบเส้นผมทำให้ผมนิ่มลื่น เป็นมันวาว มีสปริง หวีง่าย แต่จะตกค้าง เคลือบรูเส้นผม เมื่อใช้ต่อเนื่องนานๆจะเกิดการสะสมอุดตันรูเส้นผม ทำให้เซลผมทำงานผิดปกติ การขับของเสีย การดูดซึมสารอาหารลดลง และทำให้ ผมร่วง เมื่อใช้ในระยะยาว
ที่เลี่ยงยากคือ สารเพิ่มฟอง เพิ่มความข้น ตัวฉกาจที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คือ DEA (ได เอทธานอลาไมด์) ซึ่งเกรงกันว่าอาจก่อ มะเร็ง จนในบางประเทศต้องให้ยกเลิกการใช้ สารอีกกลุ่มที่อาจก่อให้เกิด การแพ้ จากการใช้เป็นประจำแต่คนก็ชอบใช้คือ กลิ่นสังเคราะห์หอมๆ สีสังเคราะห์สวยๆ และลาโนลิน
(Lanolin)

ออกกำลังกายทุกๆวันแล้วสุขภาพก็จะแข็งแรง

>

You Belong With Me